ตู้เย็น
ช่วงก่อนสอนปลายภาค ไอ้นนท์ช่วยเก็งข้อสอบให้ผมล่วงหน้าตั้ง 2 สัปดาห์ ช่วงนั้นผมหัวหมุนมากเป็นพิเศษ และแปลกใจมากที่ไอ้นนท์ไม่กังวลเกี่ยวกับการสอบเลย วันธรรมดาหลังเลิกเรียน มันยังไปทำงานพิเศษที่ร้านกรีนเฮาส์คาเฟ่และลมเย็นบาร์จนถึงเที่ยงคืน เสาร์อาทิตย์ยังออกไปขี่รถรับส่งอาหาร ระหว่างที่มันไม่อยู่ด้วย ผมก็พยายามทบทวนหนังสือ มีวอกแวกไปเล่นเกมบ้างสักตาสองตาพอให้หายเครียด
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของทั้งผมและไอ้นนท์ ตามเวลาไอ้นนท์จะสอบเสร็จก่อน มันเลยบอกว่าจะมารออยู่ที่ห้องสมุดคณะ ผมสอบวิชาแคลคูลัสโดยใช้เวลาที่ให้มา 1 ชั่วโมงครึ่งก็ยังทำไม่ครบทุกข้อ แต่ไม่เป็นไร เท่าที่ทำได้ก็น่าจะพ้นเกรดเอฟแล้ว พอส่งกระดาษข้อสอบแล้ว ผมก็มาหาไอ้นนท์ เห็นมันนั่งชิลเล่นมือถืออยู่ในห้องประจำของพวกเรา
“ทำไมเสร็จช้าจังวะ ปล่อยให้กูรออยู่ตั้งนาน” ไอ้นนท์เงยหน้าขึ้นมาทัก
“กูไม่ได้หัวดีเหมือนมึงนี่นา อยากให้อาจารย์เพิ่มเวลาสอบวิชานี้เป็น 2 ชั่วโมง แค่ชั่วโมงครึ่งกูยังทำไม่ทันเสร็จเลย” ผมบ่นแล้วนั่งลงตรงข้ามมัน
“ข้อสอบแคลคูลัสภาคปกติอย่างง่ายอ่ะ กูทำชั่วโมงเดียวก็เสร็จละ”
ผมเหม็นหน้าคนขี้อวด “เออ… มึงมันเก่ง ขอให้ได้เกียรตินิยมแล้วกัน”
“เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองกูต้องได้แน่ ๆ เออ… กูจองตั๋วไปกระบี่ให้แล้วนะ”
“งั้นไว้คืนนี้กูโอนค่าตั๋วให้ ไปหาอะไรกินกันเถอะ ใช้สมองเยอะจนกูชักหิวแล้ว”
ตามที่ผมกับไอ้นนท์วางแผนกันไว้ หลังสอบเสร็จพวกเราจะไปเที่ยวทะเล เป็นการฉลองที่สอบเสร็จและฉลองวันเกิดผมด้วย ไอ้นนท์ทำสไลด์เกาะภาคใต้ที่น่าเที่ยวมานำเสนอผม ซึ่งผมแปลกใจว่ามันเอาเวลาไหนไปทำสไลด์ แต่ละเกาะที่มันเลือกมาดังและน่าไปเที่ยวทั้งนั้น มันให้สิทธิ์ผมเลือกในฐานะเจ้าของวันเกิด ผมเลือกหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่
พวกเรานั่งเครื่องบินมาลงที่จังหวัดกระบี่ จากนั้นนั่งเรือจากกระบี่มาชั่วโมงครึ่งก็ถึงท่าเรือหมู่เกาะพีพี มาถึงก็เห็นน้ำทะเลเป็นสีฟ้าใสตั้งแต่ที่ท่าเรือเลย ไอ้นนท์หาข้อมูลมาว่าหมู่เกาะพีพีประกอบไปด้วยเกาะ 6 เกาะ ถ้าจะมาค้างที่นี่ ต้องมาค้างที่เกาะพีพีคอน เพราะเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด เป็นศูนย์รวมที่มีท่าเรือ ที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า มีเวิ้งอ่าวใหญ่ 2 อ่าว โอบล้อมด้วยแนวผาหินสูงชัน
ที่พักของพวกเราอยู่ห่างจากท่าเรือ 800 เมตร ลงเรือมาต้องเดินเท้าไปเท่านั้น เพราะบนเกาะไม่มีมอไซด์หรือรถโดยสารให้บริการ ที่พักของพวกเราใน 2 คืนนี้เป็บแบบบังกะโลเป็นหลัง มีความเป็นส่วนตัว ห้องสวย ตกแต่งด้วยไม้ ติดแอร์เย็นฉ่ำนอนสบาย
พอเช็คอินที่พักและเอาสัมภาระเข้ามาเก็บในห้อง พวกเราก็ออกมาเพื่อเดินไปยังจุดชมวิว เดินขึ้นมา 180 เมตร ก็ถึงจุดชมวิวที่เห็นลักษณะเกาะเป็นเวิ้งน้ำสองฝั่ง ล้อมด้วยเขาหินปูน ช่วงเวลาที่เรามาถึง เห็นน้ำเต็มทั้ง 2 ฝั่ง ตามข้อมูลที่ไอ้นนท์หามาบอกว่า น้ำตรงอ่าวฝั่งหนึ่งจะลดจนเริ่มแห้งตอนหลังบ่าย 3 โมง ทำให้ถ่ายรูปออกมาไม่สวย
“โอ้โห… วิวอย่างสวยอ่ะ แบบนี้ค่อยคุ้มค่ากับที่เดินมาเหนื่อย ๆ หน่อย ไหนมึงลองมายืนเป็นแบบให้กูถ่ายรูปหน่อยสิ” ไอ้นนท์หยิบมือถือขึ้นมาเล็ง แล้วโบกมือเรียกให้ผมเข้าไปในกล้อง
“วิวสวยก็ถ่ายวิวไปดิวะ”
“เอ้า… รูปวิวกูหาตามอินเตอร์เน็ตก็ได้ แต่รูปมึงยืนมีวิวสวย ๆ เป็นฉากหลัง ต้องถ่ายเองตอนนี้เท่านั้น อย่าดื้อดิวะ มาให้กูถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย”
ผมยอมเดินเข้ากล้องให้ไอ้นนท์ถ่ายรูปเก็บไว้ 2-3 รูป จากนั้นมันก็เดินเข้ามากอดคอผม เปลี่ยนเป็นกล้องหน้าแล้วถ่ายเซลฟี่ พอได้รูปจนหนำใจแล้ว พวกเราก็ลงมากินอาหารกลางวัน มื้อนี้กินแค่พออิ่ม เพราะจะเก็บท้องไว้จัดเต็มอาหารทะเลเย็นนี้
หลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จ เราก็เดินหาซื้อทัวร์เที่ยวเกาะพีพีเลในวันพรุ่งนี้ เราอยากไปกันแบบส่วนตัวเลยเหมาเรือหางยาวที่อยู่แถวอ่าวต้นไทร พรุ่งนี้คุณลุงจะพาพวกเราเที่ยวเกาะพีพีเล 3 ชั่วโมง
พอตกกลางคืน เกาะพีพีคอนก็เข้าสู่โหมดไนท์ไลฟ์ ร้านอาหารและบาร์ต่าง ๆ เปิดไฟสว่างสวยงาม ผมและไอ้นนท์เดินมายังร้านอาหารทะเลริมหาดที่จองไว้ ได้ชมพระอาทิตย์ตกดินและกินอาหารทะเลสด ๆ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บ ๆ
เมื่ออิ่มท้องก็มาเดินเล่น แวะดูโชว์ควงไฟที่บาร์แห่งหนึ่ง คนแสดงควงลูกไฟในมืออย่างช่ำชอง ทั้งโยนขึ้นฟ้า ลอดแขนขา ทำเอาคนดูตื่นเต้นและเสียววาบ
พออิ่มตาอิ่มใจกับบรรยากาศทะเลตอนกลางคืนแล้ว พวกเราก็กลับที่พัก อาบน้ำเสร็จก็มานอนเล่นที่เตียง ตั้งแต่ผมใช้ชีวิตอยู่กับไอ้นนท์ ผมก็เปลี่ยนเวลามาเข้านอนหลังเที่ยงคืนจนชินซะแล้ว เพราะต้องรอมันเลิกงานกลับมาจากลมเย็นบาร์ ผมเปิดยูทูบดูไปเรื่อย ปล่อยให้เวลาล่วงผ่านไปจนกว่าจะถึงเวลาเข้านอน แล้วไอ้นนท์ก็สะกิดผม
“สุขสันต์วันเกิดนะมึง”
ผมดูเวลาที่มือถือ ตอนนี้ 0.00 น. พอดีเป๊ะ ปีนี้เป็นปีแรกที่มีคนกล่าวสุขสันต์วันเกิดให้ผมตั้งแต่ย่างเข้าวันใหม่ และปีนี้เป็นปีแรกที่ผมไม่ได้อยู่ฉลองวันเกิดกับครอบครัว ผมตกลงกับที่บ้านไว้แล้วว่าจะกลับไปฉลองวันเกิดย้อนหลังพร้อมหน้าพร้อมตากัน หลังกลับจากทริปเที่ยวกระบี่ และบอกพี่ข้าวไว้ว่าจะพาไอ้นนท์ไปที่บ้านด้วย แต่ไอ้นนท์ยังไม่รู้นะ ผมกะเซอร์ไพรซ์มันวันนั้นเลย
“กูยังไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้มึงเลย ไม่รู้จะซื้ออะไรดี มึงมีของที่อยากได้ไหม? ไอ้นนท์ถาม
“อืม… ยังไม่มีอะไรที่กูอยากได้เลยว่ะ ไว้พรุ่งนี้กูขอคิดดูก่อน แล้วจะบอกมึงนะ”
“โอเค จริง ๆ กูง่วงตั้งนานแล้ว วันนี้เดินทางเหนื่อยชิบหาย แต่กูอดทนรอสุขสันต์วันเกิดมึงคนแรกเนี่ย งั้นเข้านอนกันดีกว่านะ”
เช้าวันต่อมา ผมตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น ผมให้ไอ้นนท์เข้าไปอาบน้ำก่อน แล้วผมค่อยอาบทีหลัง พอผมอาบเสร็จ เดินออกมาเห็นไอ้นนท์ยังไม่ใส่เสื้อ มันยื่นขวดครีมกันแดดให้ผม
“ทากันแดดที่หลังให้กูหน่อยสิ”
ผมตกใจกับคำขอ แล้วเขินหน้าแดง
“เฮ้ย! กูต้องทากันแดดให้มึงด้วยเหรอวะ?”
“ก็กูทาไม่ถึงนี่หว่า มึงเป็นแฟนกูก็ช่วยทาให้หน่อย วันนี้ออกไปตากแดดทั้งวัน กูไม่อยากหลังไหม้”
“แล้วมึงจะไม่ใส่เสื้อเหรอวันนี้” ผมถามอย่างซื่อ ๆ
“ไอ้ตู้เย็น… เราอุตส่าห์มาถึงทะเลกันทั้งทีนะเว้ย ต้องแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศหน่อยสิวะ มึงทาให้กู แล้วเดี๋ยวกูทาให้มึง ตอนลงดำน้ำยังไงก็ต้องถอดเสื้ออยู่แล้ว อ่ะ… เอาไป”
พูดจบไอ้นนท์ก็ยัดขวดครีมกันแดดใส่มือผม ผมเปิดฝาขวดแล้วบีบครีมสีขาวขุ่นใส่ฝ่ามือ ไอ้นนท์โน้มตัวไปข้างหน้าแล้วหันหลังมาให้ผม จากนั้นผมป้ายครีมกันแดดลงไปที่หลังของมันแล้วลูบให้ทั่ว
ผิวของไอ้นนท์ขาวจั๊ว หลังเนียนเรียบสนิท ไม่มีสิว ไม่มีรอยดำเลยสักนิด ผมลูบจนครีมกันแดดซึมเข้าผิวมันดีแล้ว ไอ้นนท์ก็ลุกไปหยิบเสื้อเชิ้ตมาใส่โดยไม่ติดกระดุม จากนั้นมันก็หยิบขวดครีมกันแดดไปจากมือผม แล้วบีบครีมทาจนทั่วหลังผมบ้าง
“ข้างหน้ามึงทาเองนะ” พูดแล้วไอ้นนท์ก็ยื่นขวดครีมกันแดดให้
ผมรับมาแล้วบีบครีมกันแดดทาที่หน้าอก ท้อง คอ และแขนทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็หยิบเสื้อเชิ้ตแบบเดียวกับไอ้นนท์ขึ้นมาใส่ ซึ่งเราซื้อมาจากร้านเดียวกันแต่คนละสี ผมติดกระดุมเม็ดล่างเอาไว้หนึ่งเม็ด เพื่อให้เสื้อช่วยปกปิดขนที่ลามจากด้านล่างขึ้นมาที่สะดือ
เราสองคนเดินออกมาจากที่พัก มุ่งหน้าไปที่ท่าเรือ พอออกมาอยู่กลางแดด ผิวกายของไอ้นนท์สะท้อนแสง ทำให้ยิ่งดูสว่างขาวเข้าไปใหญ่ ผมแอบดูหน้าท้องแบนราบเกลี้ยงเกลาของมัน แล้วไล่สายตาขึ้นมาเห็นหัวนมสีชมพูสดใสราวกับลูกเบอร์รี่ ช่างต่างจากของผมที่ดูเหมือนลูกเกด ผมสงสัยจังว่าคนเราจะมีหัวนมเป็นสีชมพูได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
“ไอ้นนท์ ทำไมหัวนมมึงชมพูจังวะ มึงแอบทาอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่นะ กูไม่เคยทำอะไรกับหัวนมกูเลย แล้วปกติหัวนมมันไม่ใช่เป็นสีชมพูอยู่แล้วเหรอวะ?” พูดแล้วไอ้นนท์ก็เปิดเสื้อของผมจนเห็นหน้าอก “เฮ้ย… หัวนมไม่โดนแดดจะดำได้ไงวะ” แล้วมันก็หัวเราะคิกคัก “อย่าบอกนะว่าตรงอื่นที่ไม่โดนแดดของมึงก็ดำเหมือนกัน”
ผมอายหน้าแดง “ตรงอื่นที่ว่าน่ะตรงไหน พูดให้มันชัดเจนหน่อย” ผมพูดไปทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตรงอื่นที่ไอ้นนท์พูดหมายถึงตรงไหน
เราเดินมาจนถึงท่าเรือที่อ่าวต้นไทร เดินมาหาเจ้าของเรือที่เราจ่ายเงินจ้างให้พาทัวร์ไปแล้วเมื่อวานนี้ พอเจอกันลุงเจ้าของเรือก็หยิบเสื้อชูชีพยื่นให้พวกเราคนละตัว ไอ้นนท์รับมาแล้วถอดเสื้อเชิ้ตออก จากนั้นสวมเสื้อชูชีพแทน
“อ้าว… แล้วมึงไม่ใส่เสื้อเหรอ?”
“งั้นกูจะทาครีมกันแดดมาทำไมล่ะ มึงก็เหมือนกัน ถอดเสื้อเชิ้ตออกซะ”
พูดแล้วไอ้นนท์ก็ทำท่าจะเข้ามาช่วยถอดเสื้อเชิ้ตให้ผม ผมเห็นลุงเจ้าของเรือมองพวกเราอยู่จึงยกมือห้ามมันไว้
“ทำไมวะ มึงอายลูกเกดดำของมึงหรือไง?” ไอ้นนท์แหย่
“ลูกเกดดำบ้านมึงสิ” ผมทำเสียงฉุนใส่มันแล้วถอดเสื้อเชิ้ตออก จากนั้นสวมเสื้อชูชีพ พอใส่แค่นี้แล้วรู้สึกหวิว ๆ ยังไงไม่รู้
เมื่อพวกเราทั้งสองคนขึ้นเรือ ลุงเจ้าของเรือก็เข้าประจำที่ แล้วออกเรือหางยาวแล่นตัดน้ำทะเลสีฟ้าใสออกไป สถานที่ที่เรากำลังมุ่งไปคือเกาะพีพีเล ซึ่งเป็นเกาะที่มีภูเขาหินปูนสูงตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล ข้างในภูเขามีอ่าวหลายอ่าวอยู่ในนั้น
จุดแวะแรกของทัวร์วันนี้คืออ่าวมาหยา อ่าวนี้ชื่อดังระดับโลก เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องเดอะบีช ภาพยนตร์ปี 2000 ที่นำแสดงโดยลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ น้ำทะเลที่นี่เป็นสีฟ้าใส ทรายเนียนละเอียด ล้อมไปด้วยภูเขาสูง
ชมอ่าวมาหยาเสร็จ ลุงก็พาเราออกเรือไปอ่าวถัดไป ซึ่งคืออ่าวโล๊ะซามะ อยู่ติดกับอ่าวมาหยาเลย ตรงอ่าวนี้เหมาะแก่การดำน้ำดูปลามาก เพราะปลาเยอะ มองเห็นได้ชัดตั้งแต่อยู่บนเรือ ลุงเจ้าของเรือหยิบหน้ากากสน็อกเกิลให้พวกเราคนละอัน
พอใส่เสร็จไอ้นนท์ก็ค่อย ๆ หย่อนตัวลงไปในทะเล ทำอย่างกับกลัวปลาตกใจแล้วว่ายหนี ไอ้นนท์ถีบเรือผลักตัวเองให้ลอยออกไป มันกวักมือเรียกผม จากนั้นผมก็ลงน้ำตามมันไป
ในน้ำมีปลาเยอะมาก เรียกว่าชุกเลยดีกว่า แต่เป็นปลาอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ตัวมันใหญ่กว่าฝ่ามืออยู่หน่อย ตัวสีฟ้า บนหลังเป็นสีเหลือง มีแถบดำ 5 แถบพาดตลอดลำตัวดูเหมือนทางม้าลาย
ดำน้ำดูปลาจนหนำใจ ลุงเจ้าของเรือก็พาเรามาต่อที่อ่าวปิเละ พอเห็นน้ำทะเลที่นี่ ผมก็เชื่อแล้วว่าคำพูดที่พูดกันว่า น้ำทะเลสีเขียวเหมือนมรกตนั้นไม่ได้พูดเกินจริงเลย ตอนนี้น้ำทะเลสีแบบนั้นกำลังล้อมรอบตัวผม น้ำใสเหมือนแก้วที่พลิ้วไหวได้ มองไปทางไหนก็เห็นภูเขาหินปูนโอบล้อมเราไว้ ที่นี่คือสวรรค์บนดินชัด ๆ ยิ่งมากับคนพิเศษ ผมยิ่งมีความสุขจนเอ่อทะลักล้นออกมา ผมเดินไปที่หัวเรือแล้วเรียกไอ้นนท์
“ไอ้นนท์ ถ่ายรูปกูคู่กับวิวนี้ให้หน่อย”
ไอ้นนท์หันมายิ้ม มันคงงงอยู่หน่อย ๆ ที่ผมเอ่ยปากขอให้มันถ่ายรูปให้ เมื่อวานตอนขึ้นไปจุดชมวิวแล้วมันจะถ่ายรูปผม ผมยังงอแงใส่มันอยู่เลย มันหยิบมือถือขึ้นมา ยกขึ้นเล็งแล้วกดถ่ายให้ผม 3-4 รูป ผมเดินมาดูรูป วิวสวยขนาดนี้ ไม่ว่าใครถ่ายหรือถ่ายใคร ยังไงก็ออกมาสวยแน่ ๆ
“ถ่ายมุมนี้ให้กูบ้างดิ”
แล้วผมกับมันก็สลับตำแหน่งกัน หลังจากถ่ายรูปบนเรือกันเรียบร้อย เราสองคนก็กระโดดลงไปเล่นน้ำทะเล น้ำเขียวมรกตพยุงโอบอุ้มตัวเราไว้ ช่วยพาความเครียดที่ผมตรากตรำท่องจำหนังสือออกไปจากร่างกายจนหมด ผมไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มาก่อนเลย
จุดแวะสุดท้ายของทัวร์ครั้งนี้ ลุงเจ้าของเรือพาเรามาที่ถ้ำไวกิ้ง ซึ่งเป็นถ้ำขนาดใหญ่ในหมู่เกาะพีพี เมื่อก่อนถ้ำนี้ถูกใช้เป็นที่หลบพายุฝนให้กับคนที่ขี่เรือไปมา ลุงเจ้าของเรือเล่าให้ฟังว่าข้างในถ้ำมีหินงอกหินย้อย มีภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ ที่สันนิษฐานว่าเขียนโดยนักเดินเรือหรือไม่ก็พวกโจรสลัด และในถ้ำนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของนกนางแอ่น น่าเสียดายที่ปัจจุบันไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปด้านใน เพราะพื้นที่ในถ้ำเป็นเขตสัมปทานรังนกของบริษัทผลิตเครื่องดื่มรังนกยี่ห้อหนึ่ง
กลับมาถึงเกาะพีพีคอน พวกเราก็เดินกลับที่พัก ถึงแม้เมื่อเข้าผมจะทาครีมกันแดด แต่มันก็มีระยะเวลาป้องกันแดดตามประสิทธิภาพของมัน แถมคงละลายไปกับน้ำทะเลบ้าง ตอนนี้ผิวกายผมดูคล้ำแดด เห็นเป็นรอยเสื้อชูชีพ พอดูไอ้นนท์มันก็เป็นเหมือนกัน แต่หัวนมสีชมพูเหมือนผลเบอร์รี่ของมันยังสุกสดใสอยู่ ผมอดไม่ได้ที่จะทัก
“นมมึงชมพู๊… ชมพูเนอะ ยังกับผลเบอร์รี่สุกงั้นน่ะ”
“ตั้งแต่เมื่อเช้าละ นี่มึงหมกมุ่นอะไรกับหัวนมกูนักหนาเนี่ย?”
โดนถามอย่างนั้นผมก็เขินน่าแดง รีบหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปล้างเนื้อล้างตัว เลร็จแล้วก็ออกมาเปลี่ยนกับไอ้นนท์ ตกค่ำเราไปกินอาหารกันที่ร้านริมหาด ดูพระอาทิตย์ตกที่เกาะพีพีคอนเป็นวันสุดท้ายของทริป
“เออ… เรื่องของขวัญวันเกิดที่เมื่อคืนมึงบอกว่าจะเก็บเอาไปคิดดูก่อน ตอนนี้มึงคิดออกหรือยังวะว่าอยากจะได้อะไร?” ไอ้นนท์ถาม
“อืม… ไม่ขอเป็นของละกัน คืนนี้ขอกูกินนมเบอร์รี่ของมึงหน่อยดิ” ผมพูดพลางยื่นหน้ายิ้มแป้นใส่มัน
“ไอ้บ้า! มึงนี่…”
ไอ้นนท์เหมือนจะพูดอะไรต่อแต่ก็ไม่พูด คราวนี้ผมเป็นฝ่ายทำมันเขินหน้าแดงบ้าง ตอนนี้ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะบอกมันเลยดีไหมเรื่องวันมะรืนที่จะให้มันไปเลี้ยงฉลองวันเกิดของผมย้อนหลังกับครอบครัวที่บ้าน ใจหนึ่งก็อยากแกล้งไม่ให้มันตั้งตัวทัน จะเก็บไว้บอกวันมะรืนเลย อีกใจก็อยากบอกให้มันรู้และเตรียมใจไว้แต่เนิ่น ๆ
งั้นเจอกันครึ่งทาง ไว้ผมค่อยบอกมันพรุ่งนี้ละกัน ทุกปีต่อจากนี้ ของขวัญวันเกิดจากมัน ผมไม่ขออะไรมาก ขอแค่มีมันอยู่เคียงข้างกันแบบนี้ตลอดไปเสมอ ๆ ก็มีความสุขที่สุดแล้ว
จบ
Leave a comment