รักไม่รับจ้าง – ตอนที่ 26

Share

นนท์

ถึงแม้ผมจะคุ้นเคยกับคอนโดของไอ้ตู้เย็นแล้ว แต่พอมันไม่อยู่ ห้องนี้ดูเหมือนจะใหญ่เกินไปสำหรับอยู่คนเดียว ผมเกิดอาการคิดถึงมันขึ้นมา เกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมา ทั้งที่แต่ก่อนอยู่ตามลำพังมาได้ตลอด

พอห่างจากผม ไม่รู้ว่าไอ้ตู้เย็นจะรู้สึกเหงาและคิดถึงแบบเดียวกันหรือเปล่า อยู่ห้องก็ไม่มีอะไรให้ทำ วันนี้ผมเลยจะออกไปขี่รถรับส่งอาหารไวกว่าปกติละกัน ขณะกำลังจะลุกไปเตรียมตัว มือถือก็เด้งแจ้งเตือนข้อความใหม่ขึ้นมา

ตู้เย็น

ถึงบ้านแล้ว

มาถึงปุ๊บ ป๊าก็ใช้กูเฝ้าร้านเลย

เซ็งชิบหาย (¬、¬)

ไอ้ตู้เย็นส่งภาพเซลฟี่นั่งหลังโต๊ะไม้สำหรับคิดเงินมาให้ผมดู หน้ามันเบื่อโลกกว่าปกติ

นนท์

เป็นเด็กดีนะ กลับมาจะเลี้ยงขนม

อยู่โน่นอย่าลืมคิดถึงกูนะ
ตู้เย็น

ตอนนี้คิดถึงมึงจะแย่

อยากให้มึงมาด้วยกันจัง

แล้ววันนี้ไปทำงานป่าว?
นนท์

กำลังจะไป มึงทักมาพอดี
ตู้เย็น

งั้นมึงไปเถอะ

แม่กูเรียกไปทำอะไรไม่รู้

ไว้คุยกันใหม่

ก่อนออกจากแอพแชท ผมเซฟรูปเซลฟี่ที่ไอ้ตู้เย็นส่งมาลงในมือถือตัวเอง ภาพนี้มันน่ารักดี จะเก็บไว้ดูวันหลังเผื่อไม่ได้เจอกันแล้วคิดถึง จากนั้นผมก็เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับออกไปขี่รถรับส่งอาหาร

ทำจนถึง 5 โมงเย็น ผมก็หยุดรับงาน ขี่มอไซด์ไปที่ตลาดเพื่อหากับข้าวปรุงสุกมากินเป็นมื้อเย็นวันนี้ ถึงที่คอนโดจะมีผักสดและเนื้อสัตว์เหลืออยู่ในตู้เย็น แต่ผมขี้เกียจเอามาทำเป็นอาหารเพราะขาดลูกมือ ซื้อกินเอาสะดวกกว่า

ผมแกะถุงแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายใส่ลงถ้วย เทข้าวสวยใส่จานแล้วเอาไปอุ่นในไมโครเวฟ ผมชอบกินข้าวร้อน ๆ ก่อนลงมือจัดการอาหารตรงหน้า ผมหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพไว้ก่อน จากนั้นส่งรูปนี้ไปให้ไอ้ตู้เย็น

นนท์

กับข้าวมื้อเย็นกู

ซื้อมาจากตลาด

ขี้เกียจทำ

มึงอ่ะ เย็นนี้ที่บ้านทำอะไรกิน

ไอ้ตู้เย็นส่งรูปอาหารเย็นของมันมา ดูเหมือนจะเป็นข้าวต้ม

ตู้เย็น

แม่กูทำข้าวต้มกุ้งหม้อใหญ่

ของโปรดป๊ากู

โคตรเบื่อเลยเมนูนี้

พรุ่งนี้กูต้องกินไอ้นี่ไปอีก 2 มื้อ
นนท์

บ้านมึงทำไว้เยอะเลยเหรอ?

ไอ้ตู้เย็นส่งรูปข้าวต้มกุ้งในหม้อสแตนเลสใบใหญ่มาให้ดู มันเหมือนของที่จะเอาไปขายที่ตลาด มากกว่าคนธรรมดาจะทำกินเองที่บ้าน

ตู้เย็น

ถ้าเหลือจะเอาไปเผื่อมึงนะ

ถึงกูจะกินจนเบื่อ

แต่แม่กูทำอร่อย
นนท์

คืนนี้อาบน้ำพร้อมกันไหม?
ตู้เย็น

ไอ้บ้า

ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

จะอาบน้ำด้วยกันยังไง?
นนท์

ก็อาบคนละที่

แต่อาบเวลาเดียวกันไง

จะได้เสร็จพร้อมกัน

แล้วมาวิดีโอคอลกัน
ตู้เย็น

บ้านกูมีห้องอาบน้ำห้องเดียว

ต้องแบ่งเวลากันอาบ

คิวกูได้อาบตอนทุ่มครึ่ง

มึงจะรอไหมล่ะ
นนท์

บ้านมึงนี่เป็นระเบียบดีเนอะ

ถ้าจะอาบก็ทักมาละกัน

วางมือจากมือถือ ผมก็หยิบช้อนหยิบส้อมขึ้นมากินอาหารตรงหน้า แต่ก่อนเหมือนผมเคยกินข้าวคนเดียวแล้วอร่อยกว่านี้ แต่พอได้มากินข้าวกับไอ้ตู้เย็นจนชักติดเป็นนิสัย การกินข้าวคนเดียวของผมก็ไม่ค่อยอร่อยแล้ว กินเสร็จและล้างจานเก็บเรียบร้อย ผมก็มานั่งเล่นมือถือที่โซฟา พอเวลาประมาณทุ่มครึ่ง ผมก็ได้รับข้อความจากไอ้ตู้เย็น

ตู้เย็น

ถึงคิวกูอาบน้ำแล้ว

มึงพร้อมยัง?

กูไปอาบก่อนละ

เดี๋ยวป๊ามาอาบต่อ

ถ้าช้าป๊าจะบ่นกูอีก

ผมส่งสติกเกอร์โอเคไป จากนั้นก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ระเบียง แล้วเดินเข้าห้องน้ำ เพื่อทำความสะอาดเนื้อตัวที่วันนี้ออกไปเผชิญมลภาวะมาทั้งวัน พอแต่งตัวเสร็จผมก็มานั่งที่โซฟา พร้อมจะวิดีโอคอลกับไอ้ตู้เย็น ผมส่งข้อความไปบอกมัน

นนท์

กูอาบน้ำเสร็จแล้ว

รอวิดีโอคอลอยู่นะ

พร้อมแล้วทักมา

ผมรออยู่เกือบ 10 นาทีได้ ไอ้ตู้เย็นถึงจะส่งข้อความมาบอกว่าพร้อมวิดีโอคอล ผมซึ่งรอคุยกับมันแบบเห็นหน้า ก็กดโทรไปหามันแบบเปิดกล้องทันที ไอ้ตู้เย็นกดรับสายแทบจะทันที ดูเหมือนมันจะอยู่บนที่นอน และใส่หูฟังไว้

“อาบน้ำนานจังวะ แอบช่วยตัวเองหรือเปล่าเนี่ย?” ผมแหย่

“ไอ้บ้า! ไม่ได้ทำโว้ย กูเตรียมที่นอนต่างหาก เห็นไหมนี่ห้องนอนกู”

ไอ้ตู้เย็นพูดแล้วหันกล้องไปส่องรอบ ๆ ห้องที่มันอยู่ ห้องนอนของมันกว้างมาก เป็นห้องโล่ง ๆ ที่มีตู้เสื้อผ้าหลายใบ

“ห้องนอนมึงกว้างจังวะ”

“ห้องนี้ไม่ใช่ห้องนอนกูคนเดียว คนทั้งบ้านกูนอนรวมกันห้องนี้หมด”

“ทั้งพ่อแม่พี่สาวมึง นอนรวมห้องเดียวกันหมดเลยเหรอ?”

“ใช่ กูนอนแบบนี้มาตั้งแต่เกิด”

“แบบนี้ก็ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยน่ะสิ”

“อืม… กูถึงชอบอยู่คอนโดมากกว่าไง”

“ที่มึงชอบอยู่คอนโด เพราะชอบที่มีความเป็นส่วนตัว หรือเพราะมีกูอยู่ด้วยกันแน่?”

ไอ้ตู้เย็นขมวดคิ้ว คงแปลกใจว่าผมกล้าถามแบบนี้ได้ยังไง

“ก็ทั้งสองอย่าง”

“แล้วมึงเอาของขวัญให้พ่อมึงยัง?”

“ยังไม่ได้ให้ ค่อยให้พรุ่งนี้”

พวกเราเงียบกันไปสักพัก เพราะไม่รู้จะคุยอะไรต่อดี เพิ่งห่างกันไม่เต็มวันดี ผมไม่มีเรื่องอะไรเล่าให้มันฟัง แล้วไอ้ตู้เย็นก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ

“กูบอกพี่ข้าวเรื่องของเราแล้วนะ”

ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วตามมาด้วยความเขิน

“แล้วพี่มึงว่ายังไงบ้าง?”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรที่กูชอบผู้ชาย แต่พอบอกว่ากูกำลังคบอยู่กับมึง พี่แกก็ตื่นเต้นใหญ่ ท่าทางพี่กูคงจะชอบมึงมาก”

“แล้วพ่อแม่มึงล่ะ?”

“ยังไม่ได้บอก ตอนนี้ยังไม่พร้อมว่ะ ไว้รอเรียนจบก่อน ค่อยว่าเรื่องนี้กันอีกที”

ผมโล่งอกที่เรื่องเราสองคนคบกัน ไม่ได้กระทบกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ฝ่ายผมไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะมีครอบครัวเหลือเพียงคนเดียวคือพี่นาถ ซึ่งถ้าบอกไปว่าผมคบกับไอ้ตู้เย็น แกคงมีอาการไม่ต่างจากพี่กับข้าว

ส่วนพ่อแม่ของไอ้ตู้เย็น ผมยังไม่เคยพบ ไม่รู้ว่านิสัยใจคอเป็นยังไง แต่ถ้าเลี้ยงลูก 2 คนโตมาเป็นคนดีได้ ก็คงเป็นพ่อแม่ที่ไม่ได้แย่ คงหัวสมัยใหม่ เปิดกว้างในเรื่องเพศ

“ต้นเดือนหน้าวันเกิดกูแล้วนะ จะให้อะไรพิเศษเป็นของขวัญกู?” ไอ้ตู้เย็นพูด

“อ้าวเหรอ… วันเกิดมึงวันไหน?”

“วันที่ 8”

“ช่วงนั้นสอบเสร็จพอดีนี่ เราไปเที่ยวกันไหม มึงชอบภูเขาหรือทะเล?”

“กูชอบทะเล แต่เคยไปตอนเด็ก ๆ แค่ครั้งเดียวเอง”

“กูยังไม่เคยไปเลย ถือโอกาสไปเที่ยวที่สอบเสร็จ ฉลองวันเกิดมึง แล้วก็เป็นการฮันนีมูนครั้งแรกของพวกเรา ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว”

“ฮันนีมูนบ้าอะไรล่ะ มึงอย่าใช้คำพูดเวอร์ไปหน่อยเลย แล้วทะเลมีตั้งหลายจังหวัด เราจะไปจังหวัดอะไรดี?”

“เรื่องนี้ไว้ให้กูจัดการ ไว้ใกล้ ๆ วัน กูจะทำแผนการท่องเที่ยวมาเสนอให้มึงเลือก”

“ต้องจริงจังขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”

“ต้องจริงจังสิ ฮันนีมูนครั้งแรกของเราเลยนะเว้ย”

จู่ ๆ ไอ้ตู้เย็นก็หันออกไปนอกกล้อง แล้วตะโกนว่าครับดัง ๆ ทำเอาผมตกใจ

“ไอ้นนท์ ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ แม่กูเรียกใช้ให้ไปทำอะไรไม่รู้”

“โอเค ไว้เจอกันพรุ่งนี้ละกัน”

เย็นวันต่อมาเป็นวันอาทิตย์ วันนี้ผมยอมเสียรายได้ ไม่ออกไปขี่รถรับส่งอาหาร เพื่อรอเจอไอ้ตู้เย็นโดยเฉพาะ วันนี้ทั้งวันผมดูอนิเมะจบไป 1 ซีซัน ไม่ได้สนุกอะไรขนาดนั้น ผมคงไม่ตามดูซีซันที่เหลือ

ก่อนมาถึง ไอ้ตู้เย็นส่งข้อความมาบอกว่าพี่กับข้าวจะขึ้นมาบนห้องด้วย ให้ผมเตรียมตัวเตรียมใจไว้ แล้วอีกสัก 15 นาที ประตูห้องก็ถูกเคาะ ผมเดินไปเปิด เห็นไอ้ตู้เย็นและพี่กับข้าวหิ้วของพะรุงพะรังมาเต็มมือทั้ง 2 ข้าง

“สวัสดีครับพี่กับข้าว”

“สวัสดีจ้ะนนท์ เป็นไง… ห้องนี้อยู่สบายไหม?”

“กว้างขวางอยู่สบายดีครับ” ผมเข้าไปรับของจากมือพี่กับข้าว แล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว

“จากนี้ไปพี่ฝากนนท์ดูแลน้องชายของพี่ให้ดี ๆ นะ โดยเฉพาะเรื่องการเรียน ป๊าตั้งความหวังกับตู้เย็นไว้มากว่าอยากให้จบวิศวะและได้ภาษาอังกฤษ ฝากนนท์ช่วยตู้เย็นด้วยนะ”

“สบายครับพี่ ไอ้ตู้เย็นมันเก่งอยู่แล้ว ผมสอนอะไรมันครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว”

“ก็มีคนสอนดีไง”

ไอ้ตู้เย็นพูดเสียงหวาน แล้วเดินมาจับไหล่ผม ทำอย่างนี้ผมก็เขินแย่ เล่นหวานต่อหน้าพี่สาวขนาดนี้


Share

Leave a comment

Leave a Reply

What's New

ดำดิ่งสู่โลกกลับทิศ จิตวิทยาที่ซ่อนอยู่ในซีรีส์ “สเตรนเจอร์ ทิงส์”

หากพูดถึงซีรีส์ที่คนทั้งโลกรอคอย ซีรีส์ที่ปั้นเด็กไม่มีชื่อเสียงให้มายืนแถวหน้าของวงการบันเทิงได้ ซีรีส์ที่เป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดให้คนมาสมัครบริการ Netflix จะเป็นซีรีส์เรื่องไหนไม่ได้นอกจากเรื่องสเตรนเจอร์ ทิงส์ ที่ตอนนี้มีมาถึงซีซัน 5 ซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ผลงานท้ายสุดของจักรวาลในซีรีส์นี้ เพราะในปี 2026 จะมีอนิเมชันที่เรื่องราวอยู่ในช่วงระหว่างซีซัน 2 และ 3 ของซีรีส์ต้นฉบับออกฉายตามมาครับ สาเหตุที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกใจคนทั้งโลก และขยายจักรวาลมาได้ยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ นอกจากเนื้อเรื่องที่ลึกลับน่าติดตามแล้ว อีกเหตุผลคือแต่ละตัวละครในเรื่องดูมีมิติสมจริง มีปูมหลัง และมีแรงผลักดันในชีวิตที่แตกต่างกันไป...

นาทีชีวิตฉุกเฉิน วิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ควรมีติดตัว เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินในวินาทีชีวิต

ทุกนาทีในชีวิตสามารถเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ถึงขั้นอันตรายต่อชีวิต เหตุการณ์ฉุกเฉินไม่เลือกสถานที่เกิด ไม่ว่าจะเป็นบนถนน ในห้างฯ หรือแม้กระทั่งบ้านของพวกเราเอง การมีความรู้เบื้องต้นในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ช่วยให้เราลดความเสี่ยงที่เหตุการณ์นั้นจะอันตรายถึงชีวิตได้ครับ ไอติมเล่า ep นี้มาแนะนำเนื้อหาจากหนังสือ อยู่ให้ได้ ตายให้ดี: เรียนรู้นาทีชีวิตจากห้องฉุกเฉิน เขียนโดยคุณหมอสองท่านครับคือ หมอเจี๊ยบ พญ. ลลนา ก้องธรนินทร์ และหมอยุ้ย พญ. พรรณอร เฉลิมดำริชัย ในเล่มนี้เล่าว่าหมอฉุกเฉินต้องเจอกับอะไรบ้าง...

บทเรียนจากคนเหล็ก 7 ข้อคิดการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จฉบับอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์

การได้อ่านหรือได้ฟังเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จ ถือเป็นทางลัดอย่างหนึ่งในการเรียนรู้ชีวิต โดยที่เราไม่ต้องรอให้พบเจอด้วยตัวเอง ยิ่งคนนั้นเป็นคนที่ใช้ชีวิตมานาน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ บทเรียนจากชีวิตของพวกเขาก็ยิ่งมีคุณค่า ไอติมอ่าน ep นี้มาแนะนำเนื้อหาจากหนังสือ Be Useful: Seven Tools for Life ชื่อภาษาไทยคือ จงทำตัวให้มีประโยชน์: 7 เครื่องมือสำหรับใช้ชีวิต เขียนโดยอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger)...

คิดมากไปทำไม ขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย แค่รู้ประวัติศาสตร์ ก็หายขาดจากความกลุ้มใจได้แล้ว

เพื่อน ๆ กำลังทุกข์ใจและเหนื่อยที่ต้องแบกรับความกดดันเอาไว้มากเกินไปอยู่หรือเปล่าครับ กำลังรู้สึกแย่ที่ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นอยู่หรือเปล่า สังคมทุกวันนี้มีสารพัดเรื่องให้กลุ้มใจ แล้วเพื่อน ๆ เคยคิดบ้างไหมครับว่าปัญหาที่กำลังเจออยู่นี้ เคยมีคนอื่นเจอมาก่อนเราหรือเปล่า แม้ประวัติศาสตร์จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ แต่เบื้องหลักชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นล้วนผ่านเรื่องราวมากมาย พวกเขาเป็นคนธรรมดาเหมือนกับพวกเรานี่แหละครับ การศึกษาประวัติศาสตร์ทำให้เรารู้ว่าทุกคนล้วนเคยผิดพลาดกันมาบ้าง และการจะได้มาซึ่งความสำเร็จบางครั้งต้องอาศัยเวลาที่เหมาะสม ไอติมฮีลใจ ep นี้มาแนะนำหนังสือคิดมากไปทำไม ขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย เขียนโดยฟุกาอิ ริวโนะซุเกะ หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวชีวิตของบุคคลที่เป็นที่รู้จักระดับโลกว่ากว่าที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จต้องล้มลุกคลุกคลานมายังไงบ้าง ในเล่มพูดถึงหลายคนเลยครับ แต่ผมขอเลือกเรื่องของคนที่ผมสนใจมาเล่าให้เพื่อน...

วัฒนธรรมคำจีน จากกงสีถึงอั่งเปา คำยืมที่เล่าประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-จีน

ปี พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ไทย-จีนอย่างเป็นทางการ แต่ในความเป็นจริงคนไทยและคนจีนมีความเชื่อมโยงกันมากว่า 2,000 ปีแล้ว โดยมีหลักฐานโบราณบ่งบอกว่าดินแดนแถบบ้านเรามีการค้าขายกับแผ่นดินจีนมาตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่น การค้าขายกับจีนสร้างความมั่งคั่งให้กับกรุงศรีอยุธยาและเมืองท่าต่าง ๆ รอบอ่าวไทยมาตลอดเวลายาวนานหลายร้อยปี ชาวจีนเข้ามาตั้งหลักปักฐานอยู่ในสยาม สร้างศาลเจ้า สร้างบ้าน สร้างร้านค้า และนำวัฒนธรรมแบบจีนติดตัวมาด้วย บางคำศัพท์ที่เราได้ยินหรือใช้ในชีวิตประจำวัน หลายคำก็เป็นคำที่ยืมมาจากภาษาจีน ไอติมเล่า ep นี้มาเล่าความหมายและที่มาของคำจีนคุ้นหู...

จิตวิทยาต่อรอง จะต้องพูดและทำอะไรในการต่อรองที่แพ้ไม่ได้

ในชีวิตประจำวันเราต้องพบเจอกับเรื่องมากมายที่ต้องอาศัยการเจรจาต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองขอลดราคาสินค้า ต่อรองกับลูกค้า หรือต่อรองเพื่อขอขึ้นเงินเดือน เทคนิคการต่อรองมีสอนกันมานานแล้ว แต่เทคนิคเหล่านั้นเน้นไปที่การท่องจำประโยคสำเร็จรูป ทั้งที่จริง ๆ แล้วการเจรจาต่อรองเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์มากกว่าเหตุผลครับ ดังนั้นการต่อรองต้องมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับอารมณ์ของอีกฝ่าย แทนที่จะยกเหตุผลต่าง ๆ นานามาคุยกันเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก ไอติมอ่าน ep นี้มาสรุปเนื้อหาจากหนังสือ Never Split the Difference จิตวิทยาต่อรอง เขียนโดยคริส...

Related Articles

รักไม่รับจ้าง – ตอนที่ 27 (จบ)

ตู้เย็น ช่วงก่อนสอนปลายภาค ไอ้นนท์ช่วยเก็งข้อสอบให้ผมล่วงหน้าตั้ง 2 สัปดาห์ ช่วงนั้นผมหัวหมุนมากเป็นพิเศษ และแปลกใจมากที่ไอ้นนท์ไม่กังวลเกี่ยวกับการสอบเลย วันธรรมดาหลังเลิกเรียน มันยังไปทำงานพิเศษที่ร้านกรีนเฮาส์คาเฟ่และลมเย็นบาร์จนถึงเที่ยงคืน เสาร์อาทิตย์ยังออกไปขี่รถรับส่งอาหาร ระหว่างที่มันไม่อยู่ด้วย ผมก็พยายามทบทวนหนังสือ...

รักไม่รับจ้าง – ตอนที่ 25

ตู้เย็น อาบน้ำเย็น ๆ ชำระล้างเหงื่อไคลจนสะอาดสะอ้านแล้วผมก็สดชื่นขึ้นมาทันที ผมนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะเข้าไปแต่งตัวในห้องนอนก็เห็นไอ้นนท์นั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี หัวเราะคิกคัก สายตาจ้องไปที่หน้าจอมือถือในมือ “ขำอะไรวะ แบ่งกูดูบ้างสิ” “พี่แองโจลี่ส่งคลิปที่มึงใส่ชุดมาสคอตมาให้ดู มึงนี่ใช้ได้เหมือนกันนะ...

รักไม่รับจ้าง – ตอนที่ 24

นนท์ ผมตามพี่แองโจลี่มาลองชุดกับพี่ไก่แจ้ เสื้อผ้าวันนี้มาในธีมสีแดงสดใสร้อนแรง พี่ไก่แจ้เลือกให้พวกเราคนละ 2 ชุด จากนั้นพาทุกคนมาที่หน้าเวทีเพื่อซ้อมเดินแบบ ซ้อมกันอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้พัก พี่แองโจลี่เอาน้ำเย็นมาให้ผมกับไมค์คนละขวด ผมรับมาดื่มแล้วถามหาไอ้ตู้เย็น...

รักไม่รับจ้าง – ตอนที่ 23

ตู้เย็น นานะบอกผมว่าเธอเป็นเอเซ็กซ์ชวลตอนที่เราไปร้านกรีนเฮาส์คาเฟ่ด้วยกัน เธอสังเกตเห็นไอ้นนท์ฮึดฮัดท่าทางเหมือนไม่พอใจ เธอก็สันนิษฐานว่ามันน่าจะโกรธผมกับเธอหรือเปล่า ตอนนั้นผมยังไม่เชื่อเธอ แต่ตอนนี้รู้จากปากของไอ้นนท์เองแล้วว่ามันหึงผมกับนานะจริง รสนิยมทางเพศ นอกจากชายจริงหญิงแท้ ผมก็รู้จักเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กซ์ชวลและทรานส์เจนเดอร์ แต่เอเซ็กซ์ชวลที่นานะพูดถึง...

สรุปเนื้อหาและแนะนำหนังสือที่น่าสนใจ ชวนเพื่อน ๆ มาพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ วันไปด้วยกันครับ

Copyright 2025 Aitim and Co. All rights reserved

error: Content is protected !!