รักไม่รับจ้าง – ตอนที่ 25

Share

ตู้เย็น

อาบน้ำเย็น ๆ ชำระล้างเหงื่อไคลจนสะอาดสะอ้านแล้วผมก็สดชื่นขึ้นมาทันที ผมนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะเข้าไปแต่งตัวในห้องนอนก็เห็นไอ้นนท์นั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี หัวเราะคิกคัก สายตาจ้องไปที่หน้าจอมือถือในมือ

“ขำอะไรวะ แบ่งกูดูบ้างสิ”

“พี่แองโจลี่ส่งคลิปที่มึงใส่ชุดมาสคอตมาให้ดู มึงนี่ใช้ได้เหมือนกันนะ ดุ๊กดิ๊ก ๆ น่ารักดี ไหนลองทำท่าดุ๊กดิ๊กให้กูดูหน่อย”

“ไม่เอาโว้ย”

“กูขอแชร์คลิปลงสตอรี่ในไอจีนะ”

“ไม่ได้เว้ย กูอายคนอื่น”

“มึงจะอายทำไม ไม่ได้เห็นหน้ามึงสักหน่อย แล้วอีก 24 ชั่วโมงระบบมันก็ลบคลิปหายไปให้เอง”

นั่นน่ะสิ ผมใส่ชุดมาสคอตอยู่ ไม่มีใครเห็นหน้าผม แล้วผมจะอายทำไม

“กูโพสไปละ แท็กมึงไปด้วยนะ”

“อ้าว… แท็กมาอย่างนี้คนอื่นก็รู้น่ะสิว่าข้างในมาสคอตเป็นกู”

“ช่างมันเถอะน่า รีบไปแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวมาดูหนังเป็นเพื่อนกูหน่อย มีหนังผีเพิ่งเข้าเน็ตฟลิกซ์ กูไม่กล้าดูคนเดียว”

หลังจากแต่งตัวเสร็จ ผมก็มานั่งกับไอ้นนท์ที่โซฟา มันเปิดทีวีดูหนังเพิ่งเข้าใหม่ที่สร้างโดยเน็ตฟลิกซ์ หนังยาวแค่ชั่วโมงครึ่ง แต่เหมือนผมนั่งดูมาแล้วทั้งวัน ความสมเหตุสมผล ที่มาที่ไปของผีชวนงงมาก จริง ๆ ถ้าจะดูหนังที่สร้างโดยเน็ตฟลิกซ์ไม่ควรตั้งความหวังไว้แต่แรก สร้างหนังมา 100 เรื่อง มีที่สนุกจริง ๆ สัก 5 เรื่องแค่นั้นแหละ

พี่กับข้าวทักแชทมาว่าเสาร์อาทิตย์หน้าจะกลับบ้านไหม วันจันทร์วันเกิดป๊า ทุกปีพอถึงวันเกิดใคร ครอบครัวเราจะอยู่บ้านกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน มีชวนญาติที่สนิทมาร่วมกินด้วย พอปีนี้ผมห่างจากบ้านมาเรียนหนังสือ แล้ววันเกิดป๊าตรงกับวันจันทร์ซึ่งผมมีเรียน เลยเลื่อนมาเลี้ยงล่วงหน้าวันอาทิตย์แทน ผมหันไปบอกเรื่องนี้กับไอ้นนท์

“วันเสาร์อาทิตย์หน้ากูกลับบ้านนะ พอดีที่บ้านจะรวมญาติ กินเลี้ยงวันเกิดป๊าล่วงหน้า”

“อ๋อ… โอเค ตั้งแต่เปิดเทอม มึงได้กลับบ้านบ้างหรือยัง?”

“ยังเลย”

“งั้นก็ดีแล้ว พ่อแม่พี่สาวมึง คงอยากเห็นหน้ามึงแย่ แล้วจะกลับยังไงเหรอ พี่กับข้าวมารับป่ะ?”

“ใช่ เออ… ไว้มึงช่วยกูไปหาซื้อของขวัญวันเกิดให้ป๊ากูหน่อยดิ”

“ได้ดิ แล้วปีที่แล้วมึงซื้ออะไรให้ป๊ามึงล่ะ?”

“กูยังไม่เคยซื้ออะไรให้ป๊าเลย ที่ผ่านมากูได้ค่าขนมแค่พอกินพอใช้ แต่วันนี้ไปทำงานกับมึงแล้วได้เงินมา ก็อยากเอาไปซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ป๊าบ้าง มึงว่ากูซื้ออะไรให้ดีวะ?”

“แล้วป๊ามึงชอบอะไรล่ะ?”

“ป๊ากูชอบดูทีวี แต่ไม่ต้องซื้อทีวีให้แกหรอกนะ แกไม่เซอร์ไพร์สหรอก”

“ที่บ้านมึงขายเครื่องใช้ไฟฟ้าใช่ไหม?”

ผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ “ทำไมมึงรู้ล่ะ กูว่ากูยังไม่เคยบอกมึงนะว่าที่บ้านกูทำอะไร”

“ก็ส่องจากไอจีมึงนั่นแหละ”

“มึงนี่โรคจิตชะมัด เป็นสโตกเกอร์หรือเปล่าเนี่ย?”

“ส่องไอจีแฟนตัวเองผิดด้วยเหรอวะ?” ไอ้นนท์พูดแล้วยิ้ม

“แล้วตอนที่มึงส่อง เราสองคนเป็นแฟนกันหรือยังล่ะ?”

“แอบส่องไอจีคนที่ตัวเองแอบชอบก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ทีมึงยังเคยมาส่องสตอรี่ไอจีกูเลย อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้น่ะ มันดูได้ว่าใครมาส่องสตอรี่เราบ้าง”

ผมอายหน้าแดง จะเล่นมันสักหน่อย แต่ดันเข้าตัวเองเฉย

วันต่อมาผมเพิ่งนึกขึ้นได้ ที่ชวนไอ้นนท์ไปซื้อของขวัญให้ป๊า มันจะว่างไปด้วยตอนไหน ทั้งสัปดาห์ตารางเรียนของพวกเราทั้ง 2 แน่นขนัด พอเรียนเสร็จต้องมาติวหนังสือ หลังจากนั้นผมว่าง แต่ไอ้นนท์ต้องไปทำงานพิเศษถึง 2 ที่ จนเลิกงานเที่ยงคืน ไอ้นนท์เลยบอกว่าให้ไปตอนพักกลางวันแทน ถ้ากลับมาเรียนไม่ทันก็โดดคาบบ่ายสัก 1 คาบ แล้วไอ้นนท์ค่อยมาสอนเนื้อหาที่ผมไม่ได้เรียนให้ทีหลัง

พอถึงเวลาพักกลางวัน ไอ้นนท์ขี่มอไซด์มารับผมไปที่ห้างใกล้มหาลัย พวกเราแวะกินมื้อเที่ยงกันก่อนที่ฟู้ดคอร์ทในห้าง ของผมเป็นก๋วยเตี๋ยวแห้งต้มยำ ของไอ้นนท์เป็นข้าวผัดกุนเชียง

“มึงมีของในใจที่จะซื้อให้พ่อมึงหรือยัง?”

“ยังคิดไม่ออกเลยว่ะ ถ้าเป็นมึงจะซื้ออะไรเป็นของขวัญวันเกิดให้พ่อตัวเอง”

“ถ้าเป็นกูเหรอ คงซื้ออะไรที่ได้ใช้บ่อย ๆ คงเป็นพวกเสื้อผ้าล่ะมั้ง”

“อืม… ก็ดีเหมือนกัน”

“เอาเป็นเสื้อโปโลสีเรียบ ๆ ไหม กูว่าใส่อยู่บ้านก็ได้ ใส่ไปงานแบบสุภาพ ๆ ก็ได้”

“กูไม่คิดอะไรเยอะละ เอาเสื้อโปโลที่มึงว่าเนี่ยแหละ”

หลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อย ผมและไอ้นนท์ก็มาเดินชั้นที่รวมร้านเสื้อผ้าไว้ พอมีของที่จะซื้อก็ไม่ต้องเสียเวลานานเพื่อเดินหา พวกเราเข้าร้านเสื้อผ้าไปดูเสื้อโปโลอยู่ 3 ร้าน ลองจับเนื้อผ้าเปรียบเทียบกันแล้วไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง แต่ราคาทั้ง 3 ร้านไม่เท่ากันเลย

พอดีว่าร้านที่ราคาแพงที่สุด จัดโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ผมเลยซื้อเสื้อโปโลสีขาวและสีดำมาอย่างละ 1 ตัว แม้ราคาจะเกินงบที่ตั้งไว้แต่แรกนิดหน่อย แต่พอคิดราคาต่อตัวแล้วถือว่าคุ้มค่าที่สุด แถมราคาปกติร้านนี้ยังขายแพงที่สุด แสดงว่าต้องมีดีอะไรเหนือคู่แข่ง ถึงได้กล้าตั้งราคานี้

นอกจากจะได้ซื้อราคา 1 แถม 1 แล้ว ทางร้านยังห่อของขวัญให้ฟรีอีกด้วย จ่ายเงินเรียบร้อยผมก็หิ้วของขวัญออกมาหาไอ้นนท์ที่ออกมารออยู่หน้าร้าน

ไอ้นนท์ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา “กลับไปตอนนี้ก็ไม่ทันละ คาบบ่ายเริ่มไปแล้ว งั้นเราโดดกันสักคาบแล้วกัน ว่าแต่… เรื่องที่จะฉลองกันน่ะ จะไปกินอะไรกันดี?”

“ฉลองที่คบกันครบ 1 สัปดาห์อ่ะนะ?”

ไอ้นนท์พยักหน้า

“แล้วแต่มึงเลย มึงอยากกินอะไรล่ะ แต่ไม่เอาเค้กแล้วนะ”

“งั้นไปกินไอติมละกัน กูเห็นมีเมนูไอติมข้าวเหนียวมะม่วงเอากลับมาขายใหม่ เราไปกินอันนี้ละกันนะ”

วันนี้วันเสาร์ ผมจัดเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเป้ ไปนอนแค่คืนนี้คืนเดียว แล้ววันพรุ่งนี้ตอนเย็น ๆ ก็กลับ เลยเอาของไปไม่มาก ระหว่างนี้ก็ทิ้งไอ้นนท์ให้นอนเหงาครองเตียงไปคนเดียวคืนหนึ่งที่คอนโดผม พี่ข้าวโทรมาบอกว่าให้ลงมารอที่ล็อบบี้ ผมเลยเตรียมตัวจะลงไป ก่อนจะเดินไปถึงประตู ไอ้นนท์ก็เรียกเอาไว้ซะก่อน

“จะไปไม่คิดจะบอกลากันซะหน่อยเหรอวะ”

ผมหันไปบอกมัน “จะไปละนะ พรุ่งนี้เจอกันเย็น ๆ”

ไอ้นนท์ลุกจากโซฟา ตรงมาหาผม “จุ๊บแก้มกูทีหนึ่งดิ”

ผมเขินหน้าแดง ตั้งแต่คบกันมาพวกเรา 2 คนยังไม่เคยหอมแก้มกันเลย ไอ้นนท์ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหันแก้มมาให้ ผมยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มนุ่ม ๆ ของมัน แล้วพูดกับมันว่า “แล้วของกูล่ะ” พร้อมยื่นแก้มไปให้มันจุ๊บบ้าง

ไอ้นนท์หัวเราะชอบใจเบา ๆ แล้วจุ๊บที่แก้มผม ริมฝีปากมันนุ่มมาก เหมือนเอาฟองนมมาโดนแก้ม ผมเสียววาบไปทั้งตัว นี่แค่โดนจุ๊บแก้มเองนะ

“เดินทางปลอดภัยนะมึง ขอให้สนุกกับครอบครัวนะ”

ผมกับไอ้นนท์ยกมือขึ้นมาโบกลากัน จากนั้นผมก็เอากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลังแล้วลงลิฟต์มายังล็อบบี้ นั่งรออยู่ข้างล่างไม่นาน ก็เห็นรถอีโค่คาร์ของพี่สาวเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าล็อบบี้ ผมเดินออกไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ แล้วมุดเข้าไปนั่งในรถ

“ไงตี๋ อยู่ที่นี่สนุกจนไม่คิดถึงบ้านเลยล่ะสิ” เห็นหน้ากันปุ๊บ พี่สาวผมก็แซวขึ้นทันที

“สนุกอะไรล่ะเจ๊ ตารางเรียนแต่ละวันแน่นอย่างกับอะไร ไหนเรียนเสร็จต้องมาติวต่อกับไอ้นนท์อีก ไม่สนุกเลยสักนิด” ผมทำเป็นบ่นไปงั้น

“แล้วนนท์ติวให้ดีหรือเปล่า?”

“ก็ดีนะ ติวมันกับแล้วรู้เรื่องขึ้นเยอะ”

“สนิทกันถึงขั้นไหนแล้วกับนนท์น่ะ?”

ผมสะดุ้งกับคำถาม พี่ข้าวถามมาแบบนี้มีเจตนาอะไรแฝงอยู่ แต่ฟังจากน้ำเสียงมันเป็นคำถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป ผมแค่ร้อนตัวไปเองเท่านั้น จู่ ๆ ผมก็รู้สึกอึดอัดที่ต้องเก็บเรื่องที่ตัวเองกำลังคบกับไอ้นนท์เอาไว้ ผมอยากบอกออกไปให้ใครสักคนได้รู้ แม้ผมกับพี่สาวจะไม่ได้สนิทจนตัวติดกันขนาดนั้น แต่พี่ก็เป็นคนเดียวในตอนนี้ที่ผมอุ่นใจจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง

“พี่กับข้าว…” ผมเอ่ยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

“หืม” พี่ทำเสียงสูงอยู่ในคอ คงแปลกในที่จู่ ๆ ผมเรียกด้วยชื่อเล่น แทนที่จะเรียกว่าเจ๊ตามปกติที่คุ้นเคย

“ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงนะ”

หลังจากรวบรวมความกล้าพูดออกไป ผมก็รอฟังปฏิกิริยาของพี่สาว สิ่งที่พี่สาวตอบกลับมานั้นเรียบง่ายและธรรมดากว่าที่ผมคาดเอาไว้

“อ้อเหรอ”

“แค่นี้เหรอ? หมายความว่ายังไงไอ้อ้อเหรอเนี่ย?”

“ก็ได้ยินแล้วไงว่าตี๋บอกว่าไม่ได้ชอบผู้หญิง”

“ผมหมายถึงผมชอบผู้ชายน่ะ”

“อืม… เจ๊ก็เข้าใจแบบนั้นนะ”

การบอกคนในครอบครัวครั้งแรกของผมว่าตัวเองชอบผู้ชาย นั้นได้รับการตอบกลับที่ธรรมดากว่าที่คิดไว้ ธรรมดาเหมือนผมบอกพี่สาวว่ากินข้าวเช้ามาแล้วนะงั้นน่ะ นึกว่าจะมีซีนดราม่าเหมือนอย่างในหนังซะอีก

“จะเป็นอะไร จะรักใครชอบใคร เจ๊เชื่อว่ายังไงตี๋ก็เป็นลูกชายและน้องชายที่น่ารักของครอบครัวเราเสมอ” คำพูดของพี่สาวทำผมอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก

“ผมกำลังคบกับไอ้นนท์อยู่น่ะ”

“ห๊า! จริงเหรอ! ตายแล้ว! แพ้รักคนใกล้ตัวนะเนี่ย ดีแล้ว ๆ คบกับคนดี ๆ จะได้ช่วยเหลือกันไปในทางที่ดี ดีใจด้วยนะตี๋ที่มีแฟนน่ารักอย่างนนท์”

พี่ข้าวดูตื่นเต้นมากกว่าอีก เมื่อรู้ว่าผมกำลังคบกับไอ้นนท์ พี่คงรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมให้เกิดรักในครั้งนี้ เพราะทำให้เรา 2 คนได้มาเจอกับล่ะมั้ง

“เจ๊อย่าเพิ่งเอาไปบอกป๊ากับแม่นะ”

“ไม่บอกแน่นอน นั่นมันเป็นสิทธิ์ของตี๋ที่จะบอกเรื่องนี้กับใคร บอกเมื่อไหร่ตอนไหน ไว้รอตอนที่ตี๋รู้สึกพร้อมที่สุดและรู้สึกปลอดภัย ค่อยบอกให้ป๊ากับแม่รู้ ยินดีด้วยอีกครั้งนะที่มีแฟนแล้วน่ะ ทำไมเจ๊จั๊กจี้หัวใจอย่างนี้เนี่ย หรือว่าเจ๊จะเป็นสาววายนะ”

ซีนคัมเอาท์ครั้งแรกของผมผ่านไปด้วยดี ผมโชคดีที่มีพี่สาวที่เข้าใจ พอได้พูดเรื่องนี้ออกไป ใจผมก็เบาลงเยอะ ส่วนจะบอกป๊ากับแม่เรื่องนี้เมื่อไหร่นั้นก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ภายในเร็ว ๆ นี้แน่นอน คงไว้รอหลังเรียนจบเลยล่ะมั้ง


Share

Leave a comment

Leave a Reply

What's New

ดำดิ่งสู่โลกกลับทิศ จิตวิทยาที่ซ่อนอยู่ในซีรีส์ “สเตรนเจอร์ ทิงส์”

หากพูดถึงซีรีส์ที่คนทั้งโลกรอคอย ซีรีส์ที่ปั้นเด็กไม่มีชื่อเสียงให้มายืนแถวหน้าของวงการบันเทิงได้ ซีรีส์ที่เป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดให้คนมาสมัครบริการ Netflix จะเป็นซีรีส์เรื่องไหนไม่ได้นอกจากเรื่องสเตรนเจอร์ ทิงส์ ที่ตอนนี้มีมาถึงซีซัน 5 ซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ผลงานท้ายสุดของจักรวาลในซีรีส์นี้ เพราะในปี 2026 จะมีอนิเมชันที่เรื่องราวอยู่ในช่วงระหว่างซีซัน 2 และ 3 ของซีรีส์ต้นฉบับออกฉายตามมาครับ สาเหตุที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกใจคนทั้งโลก และขยายจักรวาลมาได้ยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ นอกจากเนื้อเรื่องที่ลึกลับน่าติดตามแล้ว อีกเหตุผลคือแต่ละตัวละครในเรื่องดูมีมิติสมจริง มีปูมหลัง และมีแรงผลักดันในชีวิตที่แตกต่างกันไป...

นาทีชีวิตฉุกเฉิน วิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ควรมีติดตัว เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินในวินาทีชีวิต

ทุกนาทีในชีวิตสามารถเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ถึงขั้นอันตรายต่อชีวิต เหตุการณ์ฉุกเฉินไม่เลือกสถานที่เกิด ไม่ว่าจะเป็นบนถนน ในห้างฯ หรือแม้กระทั่งบ้านของพวกเราเอง การมีความรู้เบื้องต้นในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ช่วยให้เราลดความเสี่ยงที่เหตุการณ์นั้นจะอันตรายถึงชีวิตได้ครับ ไอติมเล่า ep นี้มาแนะนำเนื้อหาจากหนังสือ อยู่ให้ได้ ตายให้ดี: เรียนรู้นาทีชีวิตจากห้องฉุกเฉิน เขียนโดยคุณหมอสองท่านครับคือ หมอเจี๊ยบ พญ. ลลนา ก้องธรนินทร์ และหมอยุ้ย พญ. พรรณอร เฉลิมดำริชัย ในเล่มนี้เล่าว่าหมอฉุกเฉินต้องเจอกับอะไรบ้าง...

บทเรียนจากคนเหล็ก 7 ข้อคิดการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จฉบับอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์

การได้อ่านหรือได้ฟังเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จ ถือเป็นทางลัดอย่างหนึ่งในการเรียนรู้ชีวิต โดยที่เราไม่ต้องรอให้พบเจอด้วยตัวเอง ยิ่งคนนั้นเป็นคนที่ใช้ชีวิตมานาน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ บทเรียนจากชีวิตของพวกเขาก็ยิ่งมีคุณค่า ไอติมอ่าน ep นี้มาแนะนำเนื้อหาจากหนังสือ Be Useful: Seven Tools for Life ชื่อภาษาไทยคือ จงทำตัวให้มีประโยชน์: 7 เครื่องมือสำหรับใช้ชีวิต เขียนโดยอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger)...

คิดมากไปทำไม ขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย แค่รู้ประวัติศาสตร์ ก็หายขาดจากความกลุ้มใจได้แล้ว

เพื่อน ๆ กำลังทุกข์ใจและเหนื่อยที่ต้องแบกรับความกดดันเอาไว้มากเกินไปอยู่หรือเปล่าครับ กำลังรู้สึกแย่ที่ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นอยู่หรือเปล่า สังคมทุกวันนี้มีสารพัดเรื่องให้กลุ้มใจ แล้วเพื่อน ๆ เคยคิดบ้างไหมครับว่าปัญหาที่กำลังเจออยู่นี้ เคยมีคนอื่นเจอมาก่อนเราหรือเปล่า แม้ประวัติศาสตร์จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ แต่เบื้องหลักชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นล้วนผ่านเรื่องราวมากมาย พวกเขาเป็นคนธรรมดาเหมือนกับพวกเรานี่แหละครับ การศึกษาประวัติศาสตร์ทำให้เรารู้ว่าทุกคนล้วนเคยผิดพลาดกันมาบ้าง และการจะได้มาซึ่งความสำเร็จบางครั้งต้องอาศัยเวลาที่เหมาะสม ไอติมฮีลใจ ep นี้มาแนะนำหนังสือคิดมากไปทำไม ขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย เขียนโดยฟุกาอิ ริวโนะซุเกะ หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวชีวิตของบุคคลที่เป็นที่รู้จักระดับโลกว่ากว่าที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จต้องล้มลุกคลุกคลานมายังไงบ้าง ในเล่มพูดถึงหลายคนเลยครับ แต่ผมขอเลือกเรื่องของคนที่ผมสนใจมาเล่าให้เพื่อน...

วัฒนธรรมคำจีน จากกงสีถึงอั่งเปา คำยืมที่เล่าประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-จีน

ปี พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ไทย-จีนอย่างเป็นทางการ แต่ในความเป็นจริงคนไทยและคนจีนมีความเชื่อมโยงกันมากว่า 2,000 ปีแล้ว โดยมีหลักฐานโบราณบ่งบอกว่าดินแดนแถบบ้านเรามีการค้าขายกับแผ่นดินจีนมาตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่น การค้าขายกับจีนสร้างความมั่งคั่งให้กับกรุงศรีอยุธยาและเมืองท่าต่าง ๆ รอบอ่าวไทยมาตลอดเวลายาวนานหลายร้อยปี ชาวจีนเข้ามาตั้งหลักปักฐานอยู่ในสยาม สร้างศาลเจ้า สร้างบ้าน สร้างร้านค้า และนำวัฒนธรรมแบบจีนติดตัวมาด้วย บางคำศัพท์ที่เราได้ยินหรือใช้ในชีวิตประจำวัน หลายคำก็เป็นคำที่ยืมมาจากภาษาจีน ไอติมเล่า ep นี้มาเล่าความหมายและที่มาของคำจีนคุ้นหู...

จิตวิทยาต่อรอง จะต้องพูดและทำอะไรในการต่อรองที่แพ้ไม่ได้

ในชีวิตประจำวันเราต้องพบเจอกับเรื่องมากมายที่ต้องอาศัยการเจรจาต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองขอลดราคาสินค้า ต่อรองกับลูกค้า หรือต่อรองเพื่อขอขึ้นเงินเดือน เทคนิคการต่อรองมีสอนกันมานานแล้ว แต่เทคนิคเหล่านั้นเน้นไปที่การท่องจำประโยคสำเร็จรูป ทั้งที่จริง ๆ แล้วการเจรจาต่อรองเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์มากกว่าเหตุผลครับ ดังนั้นการต่อรองต้องมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับอารมณ์ของอีกฝ่าย แทนที่จะยกเหตุผลต่าง ๆ นานามาคุยกันเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก ไอติมอ่าน ep นี้มาสรุปเนื้อหาจากหนังสือ Never Split the Difference จิตวิทยาต่อรอง เขียนโดยคริส...

Related Articles

รักไม่รับจ้าง – ตอนที่ 27 (จบ)

ตู้เย็น ช่วงก่อนสอนปลายภาค ไอ้นนท์ช่วยเก็งข้อสอบให้ผมล่วงหน้าตั้ง 2 สัปดาห์ ช่วงนั้นผมหัวหมุนมากเป็นพิเศษ และแปลกใจมากที่ไอ้นนท์ไม่กังวลเกี่ยวกับการสอบเลย วันธรรมดาหลังเลิกเรียน มันยังไปทำงานพิเศษที่ร้านกรีนเฮาส์คาเฟ่และลมเย็นบาร์จนถึงเที่ยงคืน เสาร์อาทิตย์ยังออกไปขี่รถรับส่งอาหาร ระหว่างที่มันไม่อยู่ด้วย ผมก็พยายามทบทวนหนังสือ...

รักไม่รับจ้าง – ตอนที่ 26

นนท์ ถึงแม้ผมจะคุ้นเคยกับคอนโดของไอ้ตู้เย็นแล้ว แต่พอมันไม่อยู่ ห้องนี้ดูเหมือนจะใหญ่เกินไปสำหรับอยู่คนเดียว ผมเกิดอาการคิดถึงมันขึ้นมา เกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมา ทั้งที่แต่ก่อนอยู่ตามลำพังมาได้ตลอด พอห่างจากผม ไม่รู้ว่าไอ้ตู้เย็นจะรู้สึกเหงาและคิดถึงแบบเดียวกันหรือเปล่า อยู่ห้องก็ไม่มีอะไรให้ทำ วันนี้ผมเลยจะออกไปขี่รถรับส่งอาหารไวกว่าปกติละกัน ขณะกำลังจะลุกไปเตรียมตัว...

รักไม่รับจ้าง – ตอนที่ 24

นนท์ ผมตามพี่แองโจลี่มาลองชุดกับพี่ไก่แจ้ เสื้อผ้าวันนี้มาในธีมสีแดงสดใสร้อนแรง พี่ไก่แจ้เลือกให้พวกเราคนละ 2 ชุด จากนั้นพาทุกคนมาที่หน้าเวทีเพื่อซ้อมเดินแบบ ซ้อมกันอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้พัก พี่แองโจลี่เอาน้ำเย็นมาให้ผมกับไมค์คนละขวด ผมรับมาดื่มแล้วถามหาไอ้ตู้เย็น...

รักไม่รับจ้าง – ตอนที่ 23

ตู้เย็น นานะบอกผมว่าเธอเป็นเอเซ็กซ์ชวลตอนที่เราไปร้านกรีนเฮาส์คาเฟ่ด้วยกัน เธอสังเกตเห็นไอ้นนท์ฮึดฮัดท่าทางเหมือนไม่พอใจ เธอก็สันนิษฐานว่ามันน่าจะโกรธผมกับเธอหรือเปล่า ตอนนั้นผมยังไม่เชื่อเธอ แต่ตอนนี้รู้จากปากของไอ้นนท์เองแล้วว่ามันหึงผมกับนานะจริง รสนิยมทางเพศ นอกจากชายจริงหญิงแท้ ผมก็รู้จักเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กซ์ชวลและทรานส์เจนเดอร์ แต่เอเซ็กซ์ชวลที่นานะพูดถึง...

สรุปเนื้อหาและแนะนำหนังสือที่น่าสนใจ ชวนเพื่อน ๆ มาพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ วันไปด้วยกันครับ

Copyright 2025 Aitim and Co. All rights reserved

error: Content is protected !!