มีเคล็ดลับเกี่ยวกับการทำงาน 541 ข้อ เขียนโดย Emily Price นักข่าวสายเทคโนโลยีที่สัมภาษณ์ ceo มาแล้วหลายคน
เตรียมพร้อมที่จะประสบความสำเร็จ
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำเปล่า
สิ่งแรกที่คนทำงานตื่นขึ้นมาแล้วนึกถึงคือการดื่มกาแฟ แต่จะดีกว่ามากหากเราดื่มน้ำเปล่าสักแก้วแทน ตอนตื่นนอนร่างกายของเราขาดน้ำเพราะไม่ได้บริโภคของเหลวตลอดทั้งคืน ถ้ายิ่งดื่มกาแฟเป็นแก้วแรกของวันเราจะยิ่งขาดน้ำ เพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทางที่ดีเราควรดื่มน้ำเปล่าแก้วใหญ่ ๆ ให้ร่างกายสดชื่นและพร้อมที่จะเริ่มต้นวันใหม่
วางนาฬิกาปลุกให้ห่างจากเตียง
เพื่อที่เราจะเอื้อมไปกดเลื่อนปลุกไม่ได้ การลุกจากเตียงแล้วไปปิดเสียงนาฬิกาจะช่วยให้เราตื่นได้เต็มตาขึ้น
ออกไปรับแสงแดด
มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาให้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ปราศจากหน้าต่าง ควรออกไปรับแสงแดดยามเช้าบ้าง เพื่อให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดี ซึ่งช่วยให้เราอารมณ์ดี เครียดน้อยลง มีสมาธิมากขึ้น และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก
เคล็ดลับช่วยให้ตื่นเช้า
- เปิดม่านทิ้งไว้เวลานอน แสงแดดตอนพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าจะค่อย ๆ ปลุกเราให้ตื่น
- อย่าเล่นมือถือก่อนนอน เพราะมันจะกระตุ้นสมอง ทำให้เรานอนไม่หลับ
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน เพราะมันจะทำให้เราหลับไม่สนิทและตื่นยากขึ้น
- ลดการบริโภคคาเฟอีนหลังเที่ยงวัน เพื่อให้ร่างกายได้กำจัดคาเฟอีนที่กินในตอนเช้าออกจากร่างกาย เราจะได้ไม่เจอกับปัญหานอนไม่หลับเมื่อถึงเวลานอน
ย่อยรายการสิ่งที่ต้องทำให้เล็กและง่ายต่อการลงมือทำ
หากเรามีงานใหญ่ต้องทำ เช่น “โครงการ A” ให้เขียนสิ่งเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น เช่น “ส่งอีเมลหาลูกค้าโครงการ A” “โทรหาคุณสมิธเรื่องโครงการ A” “ค้นหาข้อมูลด้านสถิติสำหรับโครงการ A” เป็นต้น การย่อยงานใหญ่ให้เล็กลงจะบีบให้เราครุ่นคิดเกี่ยวกับรายละเอียดที่ต้องทำ แถมช่วยให้เรารู้สึกประสบความสำเร็จเมื่อรายการเสร็จไปหลายอย่าง

ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จภายใน 90 วัน แทนเป้าหมายประจำปี
ช่วงต้นปีเรามันตั้งเป้าหมายที่จะทำให้เสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม ทางที่ดีเราควรเปลี่ยนให้มันเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม เมื่อถึงเดือนเมษายนให้เราประเมินตัวเองว่าทำเป้าหมายสำเร็จหรือยัง คืบหน้าไปถึงไหน ถ้ายังไม่เสร็จก็ต่อไปอีก 3 เดือนแล้วกลับมาทบทวนใหม่
ป่าวประกาศเป้าหมายให้คนอื่นรู้
เพราะการตระหนักว่ามีคนรู้เป้าหมายของเรา ถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจชั้นยอดในการผลักดันให้เราบรรลุเป้าหมาย
นอน
การนอนเป็นปัจจัยที่ทำให้การทำงานแต่ละวันมีประสิทธิภาพ ถ้าวันไหนเรานอนไม่พอเราจะรู้สึกงุนงง งัวเงีย ว่อกแว่กง่าย ทำงานได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นคนเราต้องนอนให้ได้วันละ 7-8 ชม. เป็นอย่างต่ำ
ทำงานให้มีประสิทธิภาพ
ซ่อนโทรศัพท์มือถือระหว่างทำงาน
ทันทีที่ไปถึงออฟฟิศให้เก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในลิ้นชักหรือกระเป๋า พยายามไม่หยิบมันออกมาจนกว่าจะถึงพักเที่ยงหรือพักเบรก การวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ ๆ จะกระตุ้นให้เราอยากหยิบมันขึ้นมาเล่น
อย่ากลัวที่จะหาคนมาทำงานแทน
ถ้ามีงานไหนที่คนอื่นสามารถทำแทนได้ อย่ากลัวที่จะขอให้คนนั้นทำแทน เช่น การถ่ายเอกสารอาจขอให้เด็กฝึกงานทำแทนได้ เราจะได้จดจ่ออยู่กับงานสำคัญกว่าได้อย่างเต็มที่
ลาพักร้อน
การลุยงานติดต่อกันหลายเดือนโดยไม่หยุดพัก อาจทำให้เราหมดไฟและขาดความกระตือรือร้นที่จะทำงาน ดังนั้นจึงควรลาพักร้อนเสียบ้าง เมื่อกลับมาทำงานเราจะสดชื่นขึ้นเป็นกอง แถมยังอาจพกไอเดียใหม่ ๆ และพลังงานอันเหลือล้นติดตัวมาทำงานด้วย
ดื่มกาแฟแต่พอดี
คาเฟอีนเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ แต่ถ้ากินมากไปอาจทำให้เราตื่นตัวเกินเหตุจนไม่มีสมาธิทำงาน หรือได้รับคาเฟอีนมากไปจนหมดสภาพเมื่อมันหมดฤทธิ์ พยายามจำกัดการดื่มกาแฟอยู่ที่วันละ 1-2 แก้ว
ทำสมาธิ
ไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิเต็มรูปแบบ การฟังเพลงสัก 2-3 นาทีเพื่อผ่อนคลายจะช่วยให้เราจดจ่อกับงานได้มากขึ้น

หากงานหนักเกินไปก็ให้ถอยออกมา
ถ้ากำลังทำงานสำคัญแล้วรู้สึกว่าไม่คืบหน้า บางครั้งการถอยออกมาแล้วลองพยายามใหม่ในวันพรุ่งนี้ อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า การหยุดพักสักระยะเพื่อหันไปทำอย่างอื่นจะช่วยให้เรากลับมาทำงานด้วยมุมมองที่แปลกใหม่
เดินเล่น
การเดินเล่นรอบออฟฟิศแค่ไม่กี่นาทีก็มากพอที่จะทำให้เรากลับไปทำงานด้วยมุมมองสดใหม่ได้แล้ว นอกจากนี้การเดินเล่นยังช่วยทำลายความน่าเบื่อของการนั่งอยู่ที่โต๊ะทั้งวัน
อย่ากินมื้อเที่ยงเยอะ
การกินอาหารมื้อใหญ่ตอนเที่ยงจะทำให้เราง่วงเมื่อกลับมาถึงออฟฟิศ ดังนั้นควรกินมื้อเที่ยงแค่อิ่มพอดี
กำหนดเส้นตายหลอก ๆ
ถ้าต้องส่งงานวันศุกร์ ให้บอกตัวเองว่างานนี้ต้องเสร็จวันพุธ การเลื่อนเส้นตายให้เร็วขึ้นจะช่วยให้เรามีเวลาเหลือหากงานนั้นช้ากว่าที่คิด แถมยังมีเวลาเหลือในการตรวจสอบความเรียบร้อย
เคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพบนโต๊ะทำงาน
- เพิ่มหน้าจอที่สอง จะได้เปิดเบราเซอร์หรือโปรแกรมอื่น ๆ หลาย ๆ หน้าต่าง โดยไม่ต้องเสียเวลากดสลับหน้าจอ
- กระดาษโพสต์อิท เอาไว้จดข้อความสั้น ๆ แปะไว้กันลืมบริเวณขอบหน้าจอคอม
- ปากกาเน้นข้อความหลากสี มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าสีมีผลต่อความจำ ใช้สีที่แตกต่างสำหรับแยกงานต่าง ๆ
- ของตกแต่ง เช่น ต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ช่วยให้มีจุดพักสายตาบนโต๊ะทำงาน
- ของกินเล่น การมีโปรตีนบาร์หรือถั่วอบเกลือติดลิ้นชักโต๊ะทำงานไว้ ทำให้เรามีอะไรกินคลายหิว ช่วงที่ไม่มีเวลาลุกไปไหนได้
ประชุมให้มีประสิทธิภาพ
ทบทวนเหตุผลที่ทำให้เราเลือกที่จะต้องประชุม
ที่ทำงานบางที่ประชุมวันและเวลาเดิม ๆ จนกลายเป็นกิจวัตร แทนที่จะประชุมเพราะมันจำเป็นจริง ๆ ดังนั้นให้เราระบุจุดประสงค์หลักของการประชุมออกมาก่อน ถ้าไม่สามารถหาเหตุผลดี ๆ ที่จะประชุมได้ ให้ปรึกษากับคนอื่นว่ายกเลิกการประชุมดีไหม เพื่อที่ทุกคนจะได้เอาเวลาไปทำงาน
คำถามที่ต้องถามตัวเองก่อนจัดประชุม
- ทำไมถึงอยากจัดประชุม
- หัวข้อประชุมนี้สามารถคุยกันผ่านอีเมลแทนได้ไหม
- เป้าหมายหลังจบกระประชุมคืออะไร
- ใครบ้างที่ต้องเข้าประชุม
- ควรให้ข้อมูลใดบ้างก่อนการประชุม
- การประชุมจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหน
- ควรนัดคนประชุมตอนไหน

ให้กำหนดวาระการประชุม
เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า ประเด็นใดบ้างจะถูกหยิบยกมาพูด และจะพูดคุยประเด็นใดก่อน
ทันทีที่เริ่มประชุม ต้องตั้งนาฬิกาแจ้งเตือนเมื่อหมดเวลาประชุม
แค่รู้ว่ามีการนับเวลาถอยหลังก็ช่วยเร่งสิ่งต่าง ๆ ให้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ถ้ามีหลายเรื่องที่ต้องคุย สามารถตั้งเวลาแจ้งเตือนเมื่อหมดเวลาสำหรับพูดคุยในเรื่องนั้น ๆ ได้
เชิญเฉพาะคนที่มีอำนาจตัดสินใจมาประชุม
ไม่มีใครอยากมาเสียเวลาประชุมในเรื่องที่ตัวเองไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้ การมีคนที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ในที่ประชุม อาจทำให้การพูดคุยเริ่มหลงประเด็น แถมทำให้คนเหล่านั้นเสียเวลา แทนที่จะได้ทำงานของตัวเอง
ในทางกลับกัน ถ้าเราได้คำเชิญให้ร่วมประชุม ลองถามว่าทำไมเขาอยากให้เราเข้าประชุมด้วย ถ้าฝ่ายชวนมีเหตุผลที่ดีพอ เขาย่อมตอบเราได้ แต่ถ้าเหตุผลไม่ดีพอ เราควรปฏิเสธ เพราะการเข้าประชุมทั้งที่เราไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต่อการประชุม จะทำให้เราเสียเวลาและทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพน้อยลง
เริ่มประชุมตรงเวลาทุกครั้ง
การรอคนมาสาย หมายความว่าเรากำลังบอกคนที่มาตรงเวลาว่าเราเห็นเวลาของพวกเขามีค่าน้อยกว่าคนที่มาสาย ถ้าเราเริ่มประชุมตรงเวลาทุกครั้ง คนจะพยายามมาเข้าให้ทันเวลา
เปลี่ยนการนั่งประชุมแบบตัวต่อตัวเป็นเดินประชุม
ถ้าต้องประชุมกับใครสักคนเป็นส่วนตัว การเดินถือเป็นโอกาสให้พวกเราได้ออกจากออฟฟิศ 2–3 นาทีเพื่อยืดเส้นยืดสาย ช่วยให้เลือดไหลเวียน กระตุ้นการทำงานของสมอง
จัดประชุมตอนบ่าย
เราอาจคิดว่าจัดประชุมตอนเช้าจะทำให้ทุกคนพร้อมลุยทันที แต่ความจริงคนเหล่านั้นจะมัวสะสางงานของเมื่อวานจนไม่มีเวลาเตรียมตัว ดังนั้นการประชุมตอนบ่ายจะทำให้ทุกคนมีเวลาเตรียมตัวยิ่งกว่าเดิม เทียบกับการประชุมในเช้าวันจันทร์ที่คนยังไม่ฟื้นจากวันหยุดสุดสัปดาห์
ประชุมไม่เกิน 1 ชม.
เพราะหากมากกว่านั้นผู้เข้าประชุมจะเริ่มเสียสมาธิ ถ้าจำเป็นต้องประชุมเกิน 1 ชม. จริง ๆ ควรกำหนดให้มีเวลาพัก 15-20 นาที ในทุก ๆ 1 ชม. เพื่อให้ผู้เข้าประชุมได้เข้าห้องน้ำ เช็คอีเมล เมื่อกลับเข้าประชุมอีกครั้งพวกเขาจะสดชื่นขึ้นและพร้อมให้ความร่วมมือมากขึ้น
รักษาสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว
การปฏิเสธใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป
หนึ่งในกุญแจสู่การมีประสิทธิภาพสูงสุดคือการรู้ขีดจำกัดของตัวเอง ถ้าหากเรากำลังทำงานสำคัญแล้วเพื่อนชวนไปกินข้าวเย็น เราอาจปฏิเสธเพื่อทำงานตรงหน้าให้เสร็จก่อน

ยิ้มเยอะ ๆ
งานวิจัยพิสูจน์แล้วว่าการยิ้มช่วยลดระดับความเครียดและความวิตกกังวล ถ้าหากเริ่มรู้สึกหมดไฟให้สละเวลาเล็กน้อยมาดูคลิปตลก ๆ
มีน้ำใจกับผู้คนและแสดงความซาบซึ้งต่อคนที่ช่วยเหลือเรา
เรื่องดี ๆ มักเกิดกับคนดี ๆ ถ้าคนที่ช่วยเหลือเรารู้สึกว่าเราแสดงความซาบซึ้งออกมา ย่อมมีแนวโน้มที่เขาจะช่วยเหลือเราอีกในอนาคต
กำหนดคืนพักผ่อนที่จะไม่ทำอะไรเลยอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
เพื่อเราจะได้พักและเริ่มวันใหม่ด้วยความสดชื่นและมีแนวโน้มทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลงทุนกับสิ่งที่ช่วยคลายเครียด
ถ้าการนวดช่วยให้หายเครียด เราควรหาเวลาไปนวด 1-2 ครั้งต่อเดือน หรือถ้าชอบต่อโมเดลก็แบ่งเงินมาซื้อบ้าง ยิ่งเราลงทุนกับตัวเองมากเท่าไหร่ เรายิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้าไม่ยอมทำกิจกรรมที่ช่วยให้หายเครียด เราจะยิ่งรู้สึกอ่อนล้ามากขึ้น
งีบระหว่างวัน
ถ้ารู้สึกขี้เกียจ ไม่กระตือรือร้น ลองงีบสัก 15 นาที จะช่วยฟื้นฟูพลัง เพิ่มความสดชื่นและทำให้มีสมาธิมากขึ้น
สนใจหนังสือ สูตรโกงของคนเก่งงาน (Productivity Hacks)
สามารถสั่งซื้อได้ที่ Shopee: https://s.shopee.co.th/8AF0OZuUuC
ซื้อผ่านลิงค์เป็นการสนับสนุนช่องครับ
Leave a comment