คุณเคยเจอปัญหาที่มีบางสิ่งฉุดรั้งชีวิต จนไม่สามารถลงมือทำอะไรสักอย่างไหมครับ รู้สึกว่าไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี ชีวิตเหมือนมีสิ่งที่ต้องทำมากมายไปหมด เวลาที่มีมากเท่าไหร่ก็เหมือนไม่พอ หนังสือ “สิ่งที่ต้องไม่ทำของคนที่ลงมือทำ” จะแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณทิ้งสิ่งไม่สำคัญออกไปจากชีวิต หนังสือเขียนโดย สึคาโมโตะ เรียว เล่มนี้เป็นหนังสือบริหารเวลาที่มนุษย์เงินเดือนชาวญี่ปุ่นแนะนำ
ไม่คิดอยู่แต่ในหัว
จุดเด่นของคนที่ลงมือทำทันทีไม่ได้คือ มักคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่ในหัว แต่ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่รู้ว่าตัวเองต้องการทำอะไร เมื่อเป็นแบบนี้จึงลังเลที่จะลงมือทำ ในทางกลับกัน คนที่ลงมือทำได้ทันทีจะไม่คิดอยู่แต่ในหัว แต่เขียนสิ่งที่ต้องทำลงในกระดาษ
ปัจจุบันเป็นยุคที่ท่วมท้นไปด้วยข้อมูล เราไม่สามารถจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ง่าย ๆ แม้จะคิดว่า “ต้องทำเกี่ยวกับเรื่องเอ” แป๊บ ๆ ก็จะเปลี่ยนไปคิดว่า “ต้องทำเรื่องบีด้วยนี่นา” เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะมัวลังเลและตัดสินใจไม่ได้ แต่คนที่ลงมือทำทันทีจะจัดระเบียบความคิดของตัวเองโดยการเขียนมันออกมา
คนที่ลงมือทำทันทีไม่ได้พึ่งพาแต่ความจำของตัวเองอย่างเดียว เพราะถ้าไม่จดเรื่องที่ต้องทำจะส่งผลให้เกิดเรื่องทำนองว่า “อ๊ะ ลืมทำเรื่องนั้นไปเลย” นอกจากนี้การจำทุกอย่างไว้ในหัว ทำให้สมองต้องคิดหนัก เรื่องนี้ก็ต้องทำ เรื่องนั้นก็ต้องทำ ประสิทธิภาพการทำงานของสมองจึงลดลง

ในทางกลับกันคนที่ลงมือทำทันทีจะลดภาระการทำงานของสมอง จึงมีพื้นที่เพียงพอสำหรับใช้จดจ่อกับสิ่งที่ต้องทำจริง ๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยคุณก็ควรเขียนออกมา เพราะหลังจากเสร็จงานหนึ่ง คุณสามารถทำอีกงานต่อได้ทันที นอกจากนี้การทำตามสิ่งที่ต้องทำเสร็จลุล่วงไปทีละอย่าง จะทำให้เห็นชัดว่างานคืบหน้าไปถึงไหน ส่งผลให้คุณมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำงานตามลำดับความสำคัญจากมากไปน้อยโดยไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ต่อให้คุณทำงานที่มีความสำคัญน้อยเสร็จไปหลายงานก็ไม่อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ยิ่งใหญ่ได้ ดังนั้นต้องตระหนักถึงลำดับความสำคัญอยู่เสมอ ถ้างานมีความสำคัญน้อยและยังไม่จำเป็นต้องทำก็จดกันลืมเอาไว้ก่อน
ไม่ทุ่มเต็มกำลังอยู่ตลอดเวลา
ลิโอเนล เมสซี ผู้เล่นคนดังของทีมบาร์เซโลนาขึ้นชื่อว่าไม่ค่อยวิ่ง ระยะทางการวิ่งต่อหนึ่งเกมของเขาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผู้เล่นชั้นนำทั่วไป ถึงอย่างนั้นสถิติการทำประตูของเขากลับติดอันดับต้น ๆ ของโลก เขาไม่ได้วิ่งอย่างรวดเร็วตลอดเวลา แต่เล็งจังหวะสำคัญที่ตัดสินแพ้ชนะแล้วพุ่งตัวเข้าไปทำประตู สิ่งสำคัญอยู่ที่ “การสลับช้าเร็ว” นั่นเอง
คนที่ลงมือทำก็เหมือนกันครับ พวกเขาจะไม่ทุ่มเต็มกำลังกับทุกเรื่อง แต่จะแบ่งอย่างชัดเจนว่าควรทุ่มเต็มกำลังกับเรื่องไหนและควรผ่อนแรงในเรื่องไหน คนที่พยายามแล้วแต่สร้างผลลัพธ์ไม่ได้ ส่วนใหญ่ไม่ตระหนักว่าควรทุ่มเต็มกำลังกับเรื่องใด ส่งผลให้เหลือกำลังไม่มากพอเมื่อถึงยามจำเป็นที่ต้องใช้กำลังจริง ๆ ดังนั้นออมกำลังไว้สำหรับเรื่องสำคัญดีกว่า
ไม่ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว
คนที่ลงมือทำทันทีจะไม่พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว เพราะเข้าใจดีว่าสิ่งใดเหมาะหรือไม่เหมาะกับตัวเอง และตัวเองถนัดหรือไม่ถนัดอะไร พวกเขาจะทำสิ่งที่เหมาะกับตัวเองหรือสิ่งที่ถนัด เรื่องอื่นนอกเหนือจากนั้นจะพยายามเลี่ยงไม่ทำ
สแตน ลี ผู้ก่อตั้งมาร์เวลสตูดิโอ ค่ายคอมมิกส์ที่ผลิตฮีโร่ชื่อดังอย่าง สไปเดอร์แมน เอ็กซ์เมน อเวนเจอร์ส ตัวเขานั้นเป็นคนที่วาดรูปไม่เป็น เขาจะคิดคอนเส็ปต์ของตัวละครและเขียนบท จากนั้นให้นักวาดการ์ตูนมืออาชีพวาดออกมาตามที่เขาอธิบาย ถึงจะวาดภาพไม่เป็น แต่สแตน ลี ก็ให้กำเนิดฮีโร่ชื่อดังขวัญใจของใครหลายคนออกมามากมาย

หลายคนคิดว่าการขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเป็นเรื่องไม่ดี ดังนั้นเมื่อเจอปัญหาที่ไม่สามารถจัดการด้วยกำลังของตัวเองได้ก็จะตัดใจยอมแพ้ไป ทิ้งความคิดที่ว่าการพึ่งพาคนอื่นเป็นเรื่องไม่ดีไปซะ เมื่อรู้จักพึ่งพาคนอื่น สิ่งที่คุณทำได้จะมีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งขยายโอกาสของคุณให้กว้างขึ้นด้วย
ไม่ใช้คำพูดเชิงปฏิเสธ
ถ้าพูดว่า “ทำไมได้” หรือ “ทำไม่ไหว” อยู่บ่อย ๆ จะส่งผลให้ท้อแท้และกลายเป็นคนคิดอะไรในแง่ลบ ระดับการยอมรับตัวเองก็ลดต่ำลง ส่งผลให้ความกระตือรือร้นลดลงไปด้วย แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องลงมือทำ ก็จะพยายามหาข้ออ้างที่จะไม่ทำ
คุณคงเคยได้ยินคำว่า “พลังแห่งคำพูด” ที่หมายถึงพลังที่แฝงอยู่ในถ้อยคำซึ่งสามารถชักนำให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ตามที่พูดได้ คำพูดที่ดีจะดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาหาตัว คำพูดที่ไม่ดีจะดึงดูดสิ่งเลวร้ายเข้ามาหาตัว
ไม่ว่าเรื่องก็ไรก็ตาม ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ หากเราปฏิเสธตั้งแต่ก่อนที่จะลงมือทำ เราก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ถ้าคุณเปลี่ยนมาใช้คำพูดในแง่บวก ความคิดของคุณก็จะเปลี่ยนไปในแง่บวกซึ่งช่วยให้คนรอบข้างรู้สึกดีไปด้วย
ไม่ทำงานแบบ “ไม่เลือกเวลา”
งานแต่ละงานมีช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงมือทำแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับจังหวะการทำงานของสมอง เพราะใน 1 วัน สมองจะมีทั้งช่วงตื่นตัวและช่วงเฉื่อยชา หลังตื่นนอน 2-3 ชม. เป็นช่วงที่สมองตื่นตัวมากที่สุด หากคุณตื่นนอนตอน 7 โมง เวลา 9-10 โมง คือเวลาที่สมองของคุณมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด
สมองจะตื่นตัวในตอนเช้าแล้วค่อย ๆ ลดต่ำลงในช่วงกลางวัน เมื่อสมองตื่นตัวคุณก็จะมีสมาธิสูงตามไปด้วย ดังนั้นถ้าคุณเลือกงานที่ต้องใช้สมาธิในการจัดการมาทำในตอนเช้า คุณจะสามารถทำงานนั้นได้อย่างราบรื่น
เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางวันประสิทธิภาพของสมองจะลดต่ำลง หลังกินมื้อเที่ยงจนอิ่ม สารในสมองที่เรียกว่าเซโรโทนินจะหลั่งออกมาและไปกระตุ้นการหลั่งสารเมลาโทนินที่ก่อให้เกิดความง่วง ในสถานการณ์ดังกล่าว แม้จะพยายามฝืนตัวเองมากแค่ไหน ประสิทธิภาพการทำงานของเราก็ไม่มีทางสูงขึ้นได้ เพราะสมองเข้าสู่โหมดพักผ่อนแล้ว

มีงานวิจัยที่บอกว่าการงีบหลับช่วงสั้น ๆ ในเวลากลางวันประมาณ 15-20 นาที หรือ power nap สามารถฟื้นฟูความมุ่งมั่นตั้งใจให้กลับมาได้ และความมุ่งมั่นนั้นจะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ชม. หลังตื่นจากการงีบหลับ
คุณวางแผนการทำงานในแต่ละวันให้สอดคล้องกับจังหวะการทำงานของสมองแล้วหรือยัง ถ้าคุณวางแผนการทำงานที่ขัดแย้งกับกลไกของร่างกาย นอกจากจะทำงานได้อย่างลำบากแล้ว ความกระตือรือร้นในการทำงานจะลดต่ำลง ส่งผลให้ไม่อยากทำอะไรเลย ลองวางแผนการทำงานโดยใช้จังหวะการทำงานของสมองให้เป็นประโยชน์ดูครับ
ไม่สั่งงานหรือขอร้องอย่างเดียว
ในการทำงาน ส่วนใหญ่แล้วเราต้องทำงานร่วมกับคนอื่น และเพื่อให้การทำงานเป็นทีมมีความคืบหน้า ทั้งเราและคนอื่นต้องพร้อมใจกันทำงานอย่างกระตือรือร้น ถ้างานส่วนของเราคืบหน้า แต่ของคนอื่นยังไม่คืบหน้า งานก็จะหยุดชะงักและไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องคิดว่าจะทำยังไงให้คนรอบข้างทำงานให้เราได้ในทันที
การสั่งงานที่คลุมเครือ เช่น “ช่วยเตรียมเอกสารนำเสนอของสัปดาห์หน้าให้หน่อย” หรือ “ช่วยทำรายงานให้หน่อย” ต้องอย่าบอกกำหนดส่งงานเพียงอย่างเดียว แต่ควรติดตามการทำงานของอีกฝ่ายด้วย โดยการบอกว่า “ถ้าทำงานนี้เสร็จ 50% แล้วเอามาให้ดูหน่อยนะ”
การบอกจุดประสงค์ในการทำงานก็สำคัญไม่แพ้กัน หากเราสามารถบอกเหตุผลว่าทำไมอีกฝ่ายต้องเป็นคนทำงานนี้ อีกฝ่ายจะรู้สึกดีที่ถูกพึ่งพาหรือได้รับความไว้วางใจ ทำให้กระตือรือร้นอยากทำงานนั้นให้เสร็จไว ๆ
เพื่อให้อีกฝ่ายสามารถลงมือทำได้ทันทีและผลงานไม่คลาดเคลื่อนจากสิ่งที่เราคิดไว้ ทางที่ดีอย่างสั่งงานหรือขอร้องอย่างเดียว แต่ต้องพูดสิ่งที่ช่วยกระตุ้นความกระตือรือร้นของอีกฝ่ายด้วย
ไม่อวดฉลาด
คนที่ลงมือทำทันทีถ้าไม่รู้เรื่องอะไรก็จะบอกไปตามตรงว่าไม่รู้ หากคุณไม่บอกว่าไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แล้วคุยต่อไปเรื่อย ๆ คุณจะยิ่งตามคำพูดของอีกฝ่ายไม่ทัน ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่างทำงาน คุณจะตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำอย่างไรดี ส่งผลให้ไม่สามารถเริ่มงานได้
เพียงแค่บอกตามตรงไปว่าคุณไม่รู้ คุณจะได้รับความรู้ใหม่จากอีกฝ่าย เวลามีข้อสงสัยหรือมีคำถามต้องถามให้กระจ่างในทันที ไม่แสร้างทำเป็นอวดฉลาด ไม่คิดว่าเดี๋ยวค่อยกลับไปหาข้อมูลทีหลังแล้วเออออไปก่อน

ไม่นอนดึก
คนที่ลงมือทำทันทีรู้ดีว่าร่างกายคือต้นทุนที่สำคัญที่สุด หากร่างกายไม่แข็งแรงหรือสมองทำงานได้ไม่ดีจะส่งผลให้ความกระตือรือร้นลดลง พวกเขาจึงยึดหลักไม่นอนดึกและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
เราจำเป็นต้องดูแลสมองให้อยู่ในสภาพที่พร้อมลงมือทำได้ทันที หากนอนหลับไม่เพียงพอ เราจะรู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง อาจส่งผลให้ไม่อยากทำงานและผัดวันประกันพรุ่งได้
ระหว่างที่เรานอนหลับ สมองจะจัดระเบียบข้อมูล เมื่อตื่นนอนเราจึงรู้สึกสมองปลอดโปร่ง แต่ถ้านอนดึกจะไม่สามารถตื่นนอนตอนเช้าด้วยสมองที่ปลอดโปร่งได้ คนที่ลงมือทำทันทีให้ความสำคัญกับการควบคุมตัวเองได้ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ใช้ชีวิตอย่างไร้ระเบียบ เพราะจะส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจกระหืดกระหอบ ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้นระหว่างนอนหลับ ทำให้เราหลับตื้น แม้จะนอนเยอะแต่ร่างกายกลับไม่สดชื่น ซึ่งเป็นหลักฐานของการพักผ่อนไม่เพียงพอ
อย่างน้อยอย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2 ชม. ก่อนเข้านอน สำหรับคนที่เข้านอนตอน 5 ทุ่ม ขอให้ตั้งกฎไว้ว่าจะไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลัง 3 ทุ่ม
ไม่ยึดติดกับความตั้งใจแรก
ชาร์ลส์ ดาร์วิน เคยกล่าวเอาไว้ว่า “สิ่งมีชีวิตที่สามารถอยู่รอดได้ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดหรือฉลาดที่สุด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้จักเปลี่ยนแปลง”
การใช้ชีวิตตามที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง แต่การทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป โลกเราเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การยึดติดกับความคิดของตัวเองจึงทำให้เกิดความเสี่ยง
คุณไม่จำเป็นต้องยึดติดกับความตั้งใจแรก หากรู้สึกว่าการทำตามความตั้งใจแรกไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสม คุณจะปรับเปลี่ยนเส้นทางใหม่ก็ได้
ในอดีตบริษัทต่าง ๆ แข่งกันผลิตโทรศัพท์มือถือฝาพับ แต่พอไอโฟนเข้าสู่ตลาดก็เปลี่ยนเข้าสู่ยุคสมาร์ตโฟน ต่อให้พยายามยกระดับประสิทธิภาพของมือถือฝาพับมากแค่ไหนก็ไม่มีทางได้รับการตอบรับจากตลาดแล้ว

แม้คุณจะยึดคติว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” แต่ความพยายามของคุณอาจสูญเปล่าได้ ดังนั้นควรตัดใจจากการทำสิ่งที่เปล่าประโยชน์
มนุษย์เรามักเสียดายเมื่อคิดว่าต้องตัดใจแล้ว ความพยายาม เวลาและเงินที่ทุ่มเทไปจะสูญเปล่า ถ้ายึดติดกับความคิดเช่นนี้จะฉุดรั้งให้เราย่ำอยู่กับที่และกลายเป็นคนตกยุคได้ เช่นเดียวกับต้นไม้ที่เราปลูก ถ้ามันแห้งเหี่ยว เราควรตัดมันทิ้งเพื่อให้แตกยอดใหม่ได้ง่ายขึ้น
ความยืดหยุ่นสำคัญมาก เราไม่ควรดึงดันทำบางสิ่งโดยคิดว่า “ขอพยายามอีกนิดน่า” เพราะไม่อยากยอมรับความจริง คนที่ลงมือทำทันทีจะอ่านสถานการณ์ พร้อมคิดว่าทำแบบไหนถึงจะดีที่สุด การไม่ยึดติดกับความตั้งใจแรกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ไม่สร้างกรอบให้ตัวเอง
คนที่ลงมือทำทันทีจะไม่สร้างกรอบให้การกระทำและความสามารถของตัวเอง การพูดทำนองว่า “ผมเชี่ยวชาญเรื่อง…” “ผมไม่ถนัดเรื่อง…” แน่นอนว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตัวเอง แต่ถ้าเราผูกมัดตัวเองไว้กับมัน เราจะไม่สามารถท้าทายสิ่งใหม่ ๆ ได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามให้ลองทำดูก่อน เพราะถ้าไม่ลองก็ไม่มีทางรู้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง
หนังสือเล่มนี้มีกว่า 50 เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณทิ้งสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่สำคัญไปจากชีวิต ใครสนใจอยากรู้เคล็ดลับทั้งหมด สามารถหาซื้อหนังสือ “สิ่งที่ต้องไม่ทำของคนที่ลงมือทำ” ได้ตามร้านหนังสือ เล่มนี้พิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น ราคา 200 บาท เป็นเล่มเล็ก ๆ อ่านง่ายครับ
สนใจหนังสือ สิ่งที่ต้องไม่ทำของคนที่ลงมือทำ
สามารถสั่งซื้อได้ที่ Shopee: https://s.shopee.co.th/7KftPXtwm6
ซื้อผ่านลิงค์เป็นการสนับสนุนช่องครับ
Leave a comment