Keep Going คิดแบบคนที่ถอยหลังไม่เป็น ผลงานการเขียนของ Austin Kleon เจ้าของหนังสืออย่าง Steal Like an Artist และ Show Your Work! ที่มียอดขายไปแล้วกว่าหนึ่งล้านเล่ม และเขายังเดินทางไปบรรยายในหัวข้อ “ความคิดสร้างสรรค์ในยุคดิจิตอล” ให้องค์กรมามากมายอย่าง Pixar, Google หรือ The Economist
ในหนังสือเล่มนี้ออสตินได้รวบรวม 10 วิธีที่ใช้ได้ผลในวันที่เขารู้สึกหมดไฟ และไม่รู้ว่าจะเดินหน้าต่อไปยังไงดี เป้าหมายผู้อ่านของหนังสือเล่มนี้คือคนที่ทำงานสร้างสรรค์ แต่ออสตินบอกว่าคนทำอาชีพอื่น ๆ อย่างครู นักเรียน เจ้าของกิจการ หรือคนวัยเกษียณก็สามารถนำวิธีของเขาในเล่มนี้ไปปรับใช้ได้เช่นเดียวกัน ใน ep นี้ผมสรุปบางวิธีที่ผมเห็นว่าน่าสนใจจากในหนังสือมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้ฟัง ไปเริ่มต้นกันเลยครับ
ทุกวันคือวันกราวด์ฮ็อก
วันกราวด์ฮ็อกมาจากภาพยนตร์เรื่อง Groundhog Day ที่ฉายปี 1993 เล่าถึงนักข่าวพยากรณ์อากาศชื่อ ฟิล ที่เดินทางไปทำข่าววันกราวด์ฮ็อก ซึ่งเป็นประเพณีที่จะให้ตัวกราวด์ฮ็อกมาทำนายว่าฤดูหนาวปีนี้จะยาวนานแค่ไหน แล้วฟิลก็พบว่าทุกเช้าที่เขาตื่นมาจะเป็นวันกราวด์ฮ็อกเสมอ เขาใช้ชีวิตวนเวียนซ้ำ ๆ ในเมืองเล็ก ๆ ที่แสนน่าเบื่อจนเริ่มสิ้นหวัง คืนหนึ่งเขาหันไปถามคนเมาในร้านเหล้าว่า “คุณจะทำยังไงถ้าติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ทุกวันของคุณเหมือนเดิมเปี๊ยบ ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่เปลี่ยนแปลง”
ในความเห็นของผู้เขียนคิดว่า วิธีการตอบคำถามนี้คือศิลปะ คุณจะใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างไรในวันที่หมดไฟ คนที่สร้างผลงานออกมาได้อย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะพวกเขาสร้างกิจวัตรให้ตัวเอง กิจวัตรประจำวันจะช่วยให้คุณผ่านแต่ละวันไปได้อย่างคุ้มค่า กิจวัตรทำให้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดของคุณเกิดประโยชน์สูงสุด และหากคุณมีเวลาเหลือเฟือ กิจวัตรจะช่วยให้คุณไม่ใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

กิจวัตรประจำวันคือการสร้างตารางเวลาชีวิตว่าคุณจะตื่นกี่โมง จะทำอะไรบ้าง บางคนอาจรู้สึกว่ากิจวัตรกำหนดชีวิตมากเกินไปจนไม่มีอิสระ แต่การมีกิจวัตรช่วยให้คุณรับมือกับชีวิตที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ช่วยให้คุณใช้เวลา พลังงานและความสามารถได้อย่างคุ้มค่า
เมื่อคุณใช้กิจวัตรทำให้ทุกวันของคุณคล้ายเดิมไปหมด หากวันไหนที่แตกต่างออกไป วันนั้นจะมีความสำคัญมากขึ้น เหมือนกับการโดดเรียน ที่ถ้าไม่เคยเข้าเรียนเลย คงไม่รู้สึกตื่นเต้นตอนแอบครูหนีออกนอกโรงเรียน
จงสร้างกิจวัตรประจำวันของคุณ เคร่งครัดกับกิจวัตรนั้น ทำอะไรที่แหกคอกบ้างเพื่อความสนุกสนานนาน ๆ ครั้ง และปรับเปลี่ยนกิจวัตรเมื่อจำเป็น
สร้างมุมสงบ
ความเงียบและการอยู่กับตัวเองคือสิ่งสำคัญที่สุด โลกปัจจุบันมีข้อความแจ้งเตือนตลอด มีข่าวให้เสพ 24 ชม. คุณต้องมีห้องสักห้องที่ตัดขาดไม่รับรู้ทุกเรื่องราว การอยู่เงียบ ๆ กับตัวเองเป็นการปรับสมดุลและรักษาสุขภาพจิตให้คุณแข็งแกร่งพอที่จะทำงานต่อไปได้
แต่ถ้าคุณอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ หรือมีเด็กเล็กอยู่ด้วย คุณไม่มีมุมสงบหรอกครับ แต่น่าจะพอหาช่วงเวลาสงบได้บ้าง ตอนที่เด็ก ๆ นอนหลับหรือไปโรงเรียน ที่แน่ ๆ คือคุณต้องหาทางตัดขาดจากโลกภายนอกเพื่ออยู่กับตัวเองให้ได้ทุกวัน แม้การดูแลเด็ก การทำงาน การเดินทาง และการนอนหลับจะกินเวลาในแต่ละวันของคุณไปมากแค่ไหน แต่คุณจำเป็นต้องหามุมสงบให้ตัวเอง
ลืมคำนามแล้วทำตามคำกริยา
หลายคนอยากได้ตำแหน่ง “ครีเอทีฟ” ที่เป็นคำนาม โดยไม่อยากทำสิ่งที่ “ครีเอทีฟ” ซึ่งเป็นคำกริยา ถ้าคุณรอให้มีใครสักคนมอบตำแหน่งให้คุณก่อนลงมือทำล่ะก็ คุณอาจไม่มีวันได้ทำเลยก็ได้ ถ้าคุณรอให้คนเรียกคุณว่าเป็นศิลปิน ก่อนจะลงมือทำงานศิลปะ คุณก็ไม่มีวันได้สร้างผลงานกันพอดี
เมื่อไหร่ที่คุณอยากได้คำนามอย่างที่คุณต้องการจริง ๆ ต้องลงมือทำคำกริยาด้วย หากอยากเป็นนักเขียนต้องเริ่มลงมือเขียน และหากได้คำนามอย่างที่ต้องการมาแล้ว ก็อย่าหยุดทำตามคำกริยาไปเสียล่ะ
สร้างของขวัญ
โลกปัจจุบันผลักดันให้งานอดิเรกกลายเป็นอาชีพเสริม คนที่ชอบถักผ้าพันคอและถักออกมาได้สวย มักได้รับคำชมและคำแนะนำว่าลองเอาไปขายออนไลน์ดูสิ คนที่ชอบอบเค้ก อาจได้รับคำชมว่าเค้กอร่อยมาก เปิดร้านได้เลยนะเนี่ย
เมื่อใครสักคนแสดงพรสวรรค์ด้านใดด้านหนึ่งออกมา เราจะแนะนำให้เขาเอามันไปประกอบอาชีพทันที คำชมที่ดีที่สุดของเราคือการบอกใครสักคนว่าเขาทำสิ่งที่เขารักได้ดีมากจนน่าจะหากินกับมันได้
เศรษฐกิจของโลกที่ถดถอย เปลี่ยนให้กิจกรรมยามว่างที่ทำให้เราผ่อนคลาย กลายเป็นอาชีพเสริม แต่การเปลี่ยนสิ่งที่ทำให้คุณมีชีวิตชีวามาใช้เพื่อหาเลี้ยงชีพ อาจทำให้สิ่งที่คุณรักกลายเป็นสิ่งที่คุณเกลียดได้
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกเบื่อ ๆ และทำงานออกมาได้ไม่ดีเหมือนเคย ทางแก้ที่ดีที่สุดคือหยุดทำงานเพื่อเงิน แล้วหันมาสร้างของขวัญเพื่อใครสักคนแทน คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าของขวัญชิ้นพิเศษที่มอบให้ใครสักคน อาจกลายเป็นของขวัญสำหรับคนทั้งโลกได้ อย่างเช่น ในตอนแรก เอ. เอ. มิลน์ เขียนเรื่อง Winnie the Pooh เพื่อลูกชายของเขาแค่คนเดียว หรือผลงานเรื่อง The Hobbit ของเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ดัดแปลงมาจากนิทานที่เขาเล่าให้ลูก ๆ ฟัง วรรณกรรมเยาวชนสุดยิ่งใหญ่ทั้งสองเรื่อง เริ่มต้นด้วยการเป็นเรื่องเล่าให้ลูก ๆ ฟัง แต่ตอนนี้มันดังและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

การสร้างของขวัญทำให้เราค้นพบพรสวรรค์ของตัวเอง
ความธรรมดา + ความใส่ใจเป็นพิเศษ = ความไม่ธรรมดา
โลกทุกวันนี้หมกมุ่นอยู่กับความเร็ว เราเลยต้องฝึกทำอะไรให้ช้าลง การวาดภาพเป็นวิธีโปรดที่ผู้เขียนใช้บังคับตัวเองให้ช้าลงและมองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างละเอียดมากขึ้น การวาดภาพคือการฝึกมองสิ่งต่าง ๆ ในมุมมองใหม่
การเขียนไดอารี่ช่วยให้คุณใส่ใจกับชีวิตของตัวเอง พอทำหลายวันเข้าคุณจะรู้ว่าตัวเองกำลังสนใจอะไร เมื่อคุณย้อนกลับไปอ่านไดอารี่เก่า ๆ ภาพที่เคยวาดไว้ หรือภาพที่เคยถ่ายไว้ในโทรศัพท์มือถือ คุณจะเห็นสิ่งที่คุณทำชัดเจนขึ้น และมองออกว่าคุณควรทำอะไรต่อไป
ลองใส่ใจเป็นพิเศษกับสิ่งธรรมดารอบตัวคุณ ทำอะไรให้ช้าลง แล้วคุณจะเห็นความไม่ธรรมดาที่ซ่อนอยู่ในสิ่งธรรมดา
การเปลี่ยนใจคือหลักฐานของการมีชีวิต
เราต่างกลัวการเปลี่ยนใจ กลัวผลที่จะตามมา เรามีความเชื่อว่าถ้ามีความคิดอย่างใดแล้ว ต้องยึดมั่นในความคิดนั้นไปจนกว่าจะตาย เราเชื่อว่าหากเราเปลี่ยนใจ เราจะกลายเป็นคนโลเล
แต่ชีวิตของเราทุกคนล้วนเดินหน้าไปสู่ความไม่แน่นอน คุณต้องยอมรับว่าตัวเองไม่ได้รู้ไม่หมดทุกอย่าง และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต คุณต้องเปิดรับทุกความเป็นไปได้และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เปลี่ยนแปลง
แต่คนเราจะเปลี่ยนใจได้ก็ต่อเมื่อเราได้พิจารณาอย่างจริงจังแล้ว และการจะทำเช่นนั้นได้คุณต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สามารถทดลองไอเดียต่าง ๆ ได้โดยไม่มีใครมาตัดสิน ก่อนจะเปลี่ยนใจคุณต้องเตรียมพื้นที่ไว้เผื่อสำหรับไอเดียแย่ ๆ บ้าง
ปีศาจเกลียดอากาศสดชื่น
การเดินเป็นยาวิเศษที่ช่วยรักษาอาการคิดไม่ออก มันดีต่อทั้งร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ การทำงานศิลปะต้องอาศัยประสาทสัมผัสทุกส่วน และการเดินช่วยทำให้ประสาทสัมผัสของเราตื่นตัว ในทางกลับกันการติดหน้าจอทำให้ประสาทสัมผัสและความคิดของเราไม่ทำงาน
โลกโซเชียลเต็มไปด้วยเรื่องดราม่าและความโหดร้าย แต่ถ้าคุณเริ่มออกไปเดินข้างนอก คุณจะรู้ว่าโลกนี้ยังมีผู้คนที่ยิ้มแย้ม มีนกร้องเพลง มีเมฆลอยเหนือศีรษะ และการเดินคือการค้นหาความเป็นไปได้ในชีวิตเรา แม้แต่ตอนที่ดูจะอับจนหนทาง ผู้เขียนเชิญให้ทุกคนออกไปเดินนอกบ้านทุกวัน จะไปเดินคนเดียว เดินกับเพื่อน กับคนรัก หรือสัตว์เลี้ยงก็ได้

ความคิดสร้างสรรค์มีฤดูกาลของมัน
โคริตา เคนต์ เป็นแม่ชีอยู่ที่ลอสแองเจลิสมา 30 ปี ก่อนจะย้ายไปอยู่บอสตันเพื่อใช้ชีวิตเงียบ ๆ อพาร์ตเมนต์ของเธอมีหน้าต่างที่มองออกไปเห็นต้นเมเปิล เธอเฝ้ามองใบไม้ค่อย ๆ ร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วง ในฤดูหนาวต้นไม้ทั้งต้นมีหิมะปกคลุม ส่วนในฤดูใบไม้ผลิดอกไม้เล็ก ๆ ก็ผลิบาน นั่นทำให้มันดูไม่เหมือนต้นเมเปิลเลยสักนิด ก่อนที่สุดท้ายใบไม้จะเติบโตจนมีรูปร่างเป็นใบเมเปิลที่เรารู้จักกัน
สำหรับโคริตา ต้นเมเปิลเปรียบเสมือนความคิดสร้างสรรค์ งานสร้างสรรค์มีฤดูกาลของมันเช่นเดียวกับต้นไม้ หน้าที่ของคุณอย่างหนึ่งคือต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ฤดูไหนและต้องทำตัวให้สอดคล้องกับฤดูนั้น ในฤดูหนาวต้นไม้ดูเหมือนตายแล้ว แต่เรารู้ดีว่ามันคือการเริ่มต้นของกระบวนการที่ลึกซึ้ง ซึ่งจะทำให้เกิดฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนที่งดงาม
เราทุกคนหมกมุ่นอยู่กับการพัฒนาตัวเองในรูปแบบที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะในแง่ของผลงาน ตำแหน่ง รายได้ เราไม่เผื่อเวลาสำหรับการคิดทบทวนเลย ไม่มีเวลาสรุปก่อนเดินหน้าต่อ ไม่มีเวลาเรียนรู้จากความผิดพลาด ความคิดแบบนี้ขัดต่อวัฎจักรของธรรมชาติ
คุณต้องตั้งใจสังเกตจังหวะและวงจรการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง รู้จักอดทนเมื่ออยู่นอกฤดูกาล ให้เวลาตัวเองได้ปรับเปลี่ยน ฤดูกาลชีวิตของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนอาจผลิบานตั้งแต่อายุยังน้อย บางคนอาจผลิบานเมื่ออายุมากแล้ว สังคมปัจจุบันให้ความสนใจกับคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่หลายครั้งคนเหล่านั้นก็แห้งเฉาเร็วพอ ๆ กับตอนที่ผลิบาน
เมื่อชีวิตเริ่มหนักหนาเกินไป ลองไตร่ตรองเรื่องวันเวลาของคุณดู พยายามใช้ชีวิตทุกวันให้เข้าใกล้เป้าหมายของตัวเองมากขึ้นอีกสักหน่อย อย่าบีบบังคับตัวเองมากนัก ปล่อยให้มันค่อยเป็นค่อยไป กังวลเรื่องการทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสร็จน้อยลงหน่อย และกังวลเรื่องการทำสิ่งที่ควรค่าแก่การทำให้มากขึ้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำงานต่อไป เลือกคำกริยาของคุณและทำมัน ไม่ว่าคำนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม
และนี่คือบางส่วนจากหนังสือ Keep Going คิดแบบคนที่ถอยหลังไม่เป็น ใครที่สนใจอยากอ่านเนื้อหาเต็ม ๆ สามารถหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านได้ ราคา 220 บาท จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ WeLearn
สนใจหนังสือ KEEP GOING คิดแบบคนที่ถอยหลังไม่เป็น
สามารถสั่งซื้อได้ที่ Shopee: https://s.shopee.co.th/7fIo8T933o
ซื้อผ่านลิงค์เป็นการสนับสนุนช่องครับ
Leave a comment