ฮอยอัน เมืองเก่าที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศเวียดนาม ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกเมื่อปีค.ศ. 1999 เมืองนี้โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนที่ทาสีเหลืองมัสตาร์ด สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างของท้องถิ่นและต่างชาติได้อย่างลงตัว มีอาคารโครงไม้กว่า 1,100 แห่งที่ถูกอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี โดยในอดีตฮอยอันเคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญสำหรับค้าขายทางเรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วงสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15-19
ตอนนี้ฮอยอันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว อาคารต่าง ๆ กลายเป็นร้านขายของที่ระลึก ขายเสื้อผ้า หรือคาเฟ่ร้านอาหารที่ให้นักท่องเที่ยงมานั่งผ่อนคลาย ช่วงเช้า ๆ ก่อนเที่ยงในวันธรรมดา บรรยากาศในฮอยอันเงียบสงบมาก เดินเท้าชมเมืองได้อย่างสบายใจ แต่ต้องระวังมอเตอร์ไซค์ที่คนในพื้นที่ขับขี่สัญจรไปมาด้วยนะครับ ถนนในเมืองค่อนข้างแคบ ไม่มีการแบ่งเลน ทั้งคนและรถจึงสวนกันไปมา
ด้วยความที่ฮอยอันเป็นเมืองที่มีแม่น้ำพาดผ่าน ทำให้หลายครั้งเมืองนี้มักถูกน้ำท่วม ยิ่งเป็นช่วงที่มีพายุฤดูร้อน เรียกว่าฮอยอันกลายไปเมืองบาดาลได้เลยทีเดียว ทำให้ไม่สามารถเที่ยวได้ ก่อนหน้าที่ผมจะมาเที่ยวฮอยอัน 1 อาทิตย์ ที่นี่ฝนตกติดต่อกันหลายวันจึงทำให้เกิดน้ำท่วม โชคดีที่วันที่ผมมาถึงน้ำลดหมดแล้ว เลยเที่ยวได้ปกติ ใครวางแผนจะมาเที่ยวที่นี่ แนะนำเช็คสภาพอากาศด้วยนะครับ
หนึ่งสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮอยอันคือสะพานญี่ปุ่น น่าเสียดายที่ตอนผมไปมีการปิดปรับปรุงสะพานแห่งนี้ โดยสะพานนี้สร้างขึ้นเมือปี ค.ศ. 1593 นับถึงตอนนี้ก็มีอายุกว่า 430 ปีแล้ว นับว่าเก่าแก่มาก จะมีการรีโนเวทก็ไม่แปลก สะพานนี้เป็นสะพานข้ามคลองที่สร้างโดยชาวญี่ปุ่นซึ่งมาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองฮอยอัน สร้างตามสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณ โดยใช้วัสดุจากไม้และหิน มีโครงสร้างที่แข็งแรงมาก หลังคาเป็นกระเบื้องดินเผา แต่ตอนผมไปไม่มีเค้าโครงที่ว่านี้ให้เห็นเลย ไม่รู้ว่าหลังจากรีโนเวทเสร็จ สะพานที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานจะออกมามีหน้าตาเป็นยังไง
ช่วงเที่ยงนักท่องเที่ยวสามารถแวะกินมื้อกลางวันได้ที่ร้านอาหารที่มีอยู่มากมายในเมือง แต่ก็มีร้านลับ ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท้ายตลาดสดของเมืองฮอยฮัน ที่นี่เหมือนฟู้ดคอร์ทเล็ก ๆ ที่มีม้านั่งเตี้ย ๆ ให้ลูกค้านั่ง อาหารที่ขายก็เป็นอาหารท้องถิ่นของเวียดนาม ปรุงกันสด ๆ ให้เห็นกันที่ร้านเลย ราคาย่อมเยาว์กว่าร้านอาหารในเมือง ใครแวะมาเที่ยวที่ฮอยฮันและอยากประหยัดเงินค่าอาหาร ลองแวะมามุมลับ ๆ มุมนี้ดูนะครับ
หากใครมาฮอยอันและพอมีเวลาหน่อย ผมแนะนำว่าไม่ควรพลาดกิจกรรมล่องเรือตะกร้า ตลอดริมฝั่งของแม่น้ำทูโบนนั้นเต็มไปด้วยเรือลำขนาดย่อมและแม่ค้าคอยเรียกแขกให้ซื้อกิจกรรมล่องเรือตะกร้า ใครสนใจกิจกรรมนี้ ก่อนตกลงเรื่องเงินลองต่อราคาดูก่อนครับ ตอนแรกแม่ค้าเสนอผมอยู่ที่คนละ 200.000 ดอง แต่พอเดินหนีก็ลดให้เหลือคนละ 150.000 ดอง ผมเลยลองต่อราคาดู แต่แม่ค้าไม่ลดให้ต่ำกว่านี้แล้ว แต่บอกว่าจะแถมมะพร้าวให้ 2 คนต่อ 1 ลูก เลยตกลงไปกับเจ้านี้
ผมไปกับเพื่อน ๆ รวมทั้งหมด 10 คน บนเรือมีที่นั่งนั่งได้ 12 คน แต่ไม่ต้องรอให้ที่นั่งเต็ม แค่จ่ายเงินแล้วคนขับก็ออกเรือพาพวกเราล่องเรือออกนอกเมือง กิจกรรมนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่การนั่งเรือไปกลับก็กินเวลาไปร่วม 1 ชั่วโมงแล้ว พอมาถึงจุดล่องเรือจะพบกับป่าต้นจาก มีลุง ๆ ป้า ๆ พายเรือตะกร้ามารับถึงเรือที่เรานั่งมา เรือตะกร้าลำหนึ่งนักท่องเที่ยวนั่งได้ 2 คน ดูท่าทางแล้วเรือแบบนี้น่าจะพายยาก เพราะมันกลม ไม่มีมุมแหลมไว้แหวกน้ำ แต่ลุง ๆ ป้า ๆ พายกันคล่องมาก เรือพุ่งไปข้างหน้าง่ายดายมาก ราวกับแอบติดเครื่องยนต์
ผมขอเล่าประวัติที่มาของเรือตะกร้านี้ให้เพื่อน ๆ ฟังสักหน่อยนะครับ เรือแบบนี้เรียกว่า thung chai ในภาษาเวียดนาม เรือตะกร้าประดิษฐ์ขึ้นมาโดยวิธีสานไม้ไผ่และทาน้ำมันยางเพื่อเคลือบป้องกันน้ำซึมเข้า เรือตะกร้านี้เริ่มใช้ช่วงที่ประเทศเวียดนามถูกปกครองโดยฝรั่งเศสช่วง ค.ศ. 1884 สมัยนั้นชาวบ้านแถบนี้เลี้ยงชีพโดยการเป็นชาวประมง ฝ่ายฝรั่งเศสอยากได้เงินจึงออกคำสั่งเก็บภาษีเรือประมงทุกลำ
ตอนนั้นเองที่ชาวประมงรายเล็ก ๆ ซึ่งไม่ได้ร่ำรวยพอจะมีเงินจ่ายภาษี ได้ประดิษฐ์เรือตะกร้าแบบนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรก พวกเขาบอกว่าสิ่งนี้เป็นตะกร้า ไม่ใช่เรือ มันกลมดิกแบบนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่เรือ จะมาเก็บภาษีไม่ได้นะ ฝ่ายฝรั่งเศสก็ต้องเออออไปด้วยความไม่เต็มใจ ชาวประมงท้องถิ่นที่ใช้เรือตะกร้าหาปลาก็ไม่ต้องจ่ายภาษี เป็นวิธีการที่หัวหมอ แต่ก็ฉลาดและแสบดี
ทุกวันนี้เรือตะกร้ายังคงรูปแบบการดีไซน์และวิธีประดิษฐ์ตามแบบดั้งเดิม แต่ถูกนำมาใช้เพื่อการท่องเที่ยวแทน โดยลุง ๆ ป้า ๆ ที่เป็นคนพื้นที่จะพายเรือนี้พาเราเข้าไปในป่าต้นจาก เส้นทางค่อนข้างสั้นและพาพายกลับทางเดิม แต่มีการแวะจอดเพื่อโชว์ฝีมือการประดิษฐ์ของเล่นจากใบจาก เป็นมงกุฏและตั๊กแตนสาน พร้อมกับโชว์ควงเรือตะกร้าเป็นลูกข่าง ค่อนข้างหวาดเสียวทีเดียว
แป๊บเดียวลุง ๆ ป้า ๆ ก็พาเรากลับมาส่งที่เรือลำที่นั่งมาตอนแรก พร้อมกับร้องขอทิป เพื่อนผมโดนขอ 100.000 ดอง ซึ่งเยอะมากถ้าเทียบกับค่ากิจกรรมซึ่งเราจ่ายไปแล้ว 150.000 ดอง เราจึงให้ลุง ๆ ป้า ๆ ไปแค่คนละ 50.000 ดอง แถมกลับมาถึงในเมืองก็ไม่ได้มะพร้าวที่ตอนแรกแม่ค้าบอกว่าจะให้ 2 คนต่อ 1 ลูก พวกเราขี้เกียจทวงประกอบกับหิวเลยปล่อยไปไม่ได้ทวง
กลับมาถึงตัวเมืองฮอยอันอีกครั้งก็เป็นเวลาพระอาทิตย์กำลังตกดิน ช่วงเวลานี้นักท่องเที่ยวมากันเยอะมาก จนเรียกว่าแออัดเลยก็ว่าได้ ช่วงเย็นที่ฮอยอันจะเปิดโคมไฟหลายสี ดูอบอุ่นสวยงามไปทั้งเมือง เมื่อข้ามสะพานมาอีกฝั่งของเมืองจะพบบริเวณที่เป็นถนนคนเดิน มีร้านรถเข็นมาขายอาหารสตรีทฟู้ดที่กินง่าย มีร้านขายของที่ระลึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือ, เสื้อผ้า, เครื่องประดับ
ใครที่มาเที่ยวเวียดนามอย่าลืมแวะมาเที่ยวที่ฮอยอันด้วยนะครับ เมืองนี้อยู่ใกล้กับดานัง สามารถนั่งรถจากดานังมาที่นี่ได้โดยใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง แม้จะไม่มีขนส่งสาธารณะอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาที่นี่ แต่นักท่องเที่ยวสามารถเรียก Grab ให้มาส่ง หรือเช่ารถตู้พร้อมคนขับให้มารับส่งแบบไปกลับได้ครับ ผมใช้วิธีนี้ หารค่ารถกับเพื่อน ๆ ตกแล้วคนละไม่ถึง 100 บาท รถคันใหญ่ มารับและพามาส่งถึงหน้าโรงแรมในเมืองดานังเลย
Leave a comment