พ่อกับผมและบางสิ่งที่หายไปในสงคราม - ประชาชนคนธรรมดาไม่เคยได้อะไรจากสงคราม

พ่อกับผมและบางสิ่งที่หายไปในสงคราม - ประชาชนคนธรรมดาไม่เคยได้อะไรจากสงคราม

เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เดินเรื่องโดยครอบครัวซัมเมอร์ฟีลด์ ณ ประเทศอังกฤษ แอลฟี เป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ร่ำรวยแต่ว่าอบอุ่น พ่อของเขาทำงานเป็นคนส่งนม แม่ของเขารับจ้างซักรีดผ้า ละแวกที่แอลฟีอยู่เพื่อนบ้านก็น่ารัก อัธยาศรัยดีกันหมด

แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อประเทศอังกฤษเข้าสู่สงครามกับกองทัพเยอรมัน รัฐบาลอังกฤษได้เปิดรับสมัครชายหนุ่มให้เข้าร่วมสงคราม พ่อของแอลฟีอาสาไปสมัครเป็นทหารท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว พ่อของเขาหายไปในสนามรบนานถึง 4 ปี สงครามก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

เรื่องนี้ผู้เขียนเดียวกับ เด็กชายในชุดนอนลายทาง ซึ่งเล่มนี้เป็นวรรณกรรมเยาวชนนั่นแหละ แต่เนื้อหาหนักหน่อย อย่างเด็กชายในชุดนอนแม้มันจะหนัก แต่ยังมีจุดที่ทำให้เราได้สัมผัสกับมิตรภาพของตัวละครเด็กทั้งสอง แตกต่างกับเรื่องนี้ที่แอลฟีแบกรับผลกระทบทางอ้อมจากสงครามหลายอย่างมาก มันหนักตั้งแต่ต้นจนจบ

เริ่มตั้งแต่ที่บ้าน เมื่อพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของบ้านไม่อยู่ แม่ของแอลฟีต้องทำงาน 2 งานทั้งกลางวันกลางคืนเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แอลฟีต้องแอบไปรับจ้างขัดรองเท้าโดยไม่ให้แม่รู้ เพื่อนสนิทข้างบ้านที่เป็นคนจากปรากก็ถูกพาตัวไปค่ายกักกัน ละแวกบ้านเหลือเพียงผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ ที่หลวดกลัวทุกครั้งที่ทหารมาแถวบ้าน เพราะกลัวทหารจะมาบอกข่าวร้ายว่าสามีของพวกเธอเสียชีวิตในสงคราม

เล่มนี้เล่าถึงอาการเชลล์ช็อค (Shellshock) เป็นอาการที่ผู้ป่วยสติไม่อยู่กับร่องกับรอย ตื่นกลัว หลงลืม เนื่องมาจากเจอกับเหตุการณ์เลวร้าย ในเรื่องนี้คือสงคราม ที่ทุกวันทหารที่ส่งออกไปกลายเป็นศพ แม้แต่ทหารแบกแปลที่ถูกส่งออกไปเก็บศพพวกพ้อง ก็อาจไม่รอดชีวิตกลับมา สงครามคือความศูนย์เสียของคนระดับรากหญ้า ประชาชนคนธรรมดาไม่เคยได้อะไรจากสงคราม เว้นแต่คนที่มียศใหญ่โต ซึ่งพวกนี้หลบหน้าบงการอยู่เบื้องหลัง

ถือว่าเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ไม่ค่อยเพลินเพลินตอนอ่านสักเท่าไหร่ ถ้าให้คะแนนเด็กชายในชุดนอนลายทางอยู่ที่ 10 คะแนน เรื่องพ่อกับผมและบางสิ่งที่หายไปในสงคราม ผมให้สัก 6 ยังขาดความกลมกล่อมไปมาก