Minari มินาริ - สามีภรรยาชาวเกาหลีใต้ หนีความแร้นแค้นไปตั้งหลักที่อเมริกา ภาพยนตร์ที่สอนเราว่า "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ"

Minari มินาริ - ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ

ภาพยนตร์สัญชาติอเมริกันที่อำนวยการสร้างและใช้ทีมนักแสดงนำเป็นคนเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการนำเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 93 ถึง 6 สาขาด้วยกัน

ภาพยนตร์เล่าถึงสองสามีภรรยาชาวเกาหลีใต้ จาคอบ และ โมนิก้า ที่หนีชีวิตแร้นแค้นในเกาหลีใต้สมัยยุค 80 ซึ่งเกาหลีใต้เศรษฐกิจไม่ได้ดีอย่างทุกวันนี้ ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสองคน แอนน์ ลูกสาวคนโต และ เดวิด ลูกชายคนสุดท้อง

จาคอบพาครอบครัวย้ายบ้านมาอยู่หลังเขา เพราะอยากเริ่มต้นอาชีพทำฟาร์ม เขาไม่อยากเป็นพนักงานคัดเพศลูกเจี๊ยบ ที่ต้องนั่งจ้องตูดไก่วันละหลายร้อยตัวไปจนวันตาย

โมนิก้าไม่ค่อยเห็นด้วยกับการย้ายบ้านครั้งนี้เท่าไหร่ เพราะห่างไกลสังคม อยู่ห่างโรงพยาบาลตั้ง 1 ชั่วโมง เธอเป็นห่วงเดวิดซึ่งมีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัว และเป็นห่วง ซุนจา แม่ของเธอที่เกาหลีใต้

จาคอบและโมนิก้าตัดสินใจให้ซุนจาย้ายมาอยู่ด้วยกันที่อเมริกา ซุนจาคือคนเกาหลีแท้ ๆ ที่เติบโตมาในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมแบบเกาหลีใต้ แตกต่างจากหลานทั้งสองที่เติบโตในอเมริกา ถนัดพูดภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาเกาหลี เรามาลองวิเคราะห์ลักษณะนิสัยของตัวละครกันดูนะครับ อาจไม่ได้ลึกมาก

Minari มินาริ - ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ

เริ่มที่จาคอบผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว เขามีความคิดว่าต้องเป็นที่พึ่งและทำให้ชีวิตของคนในครอบครัวดีขึ้นให้ได้ อยากเป็นพ่อที่ลูก ๆ ภูมิใจ ชีวิตปัจจุบันนี้ไม่อาจไปสู่จุดนั้นได้ จึงอยากเป็นเจ้าของกิจการทำฟาร์มปลูกผักส่งขายให้ร้านชำขายวัตถุดิบอาหารเกาหลี เพราะเห็นว่ามีคนเกาหลีย้ายมาอยู่อเมริกามากขึ้นเรื่อย ๆ

การย้ายบ้านมาอยู่หลังเขาต้องแลกมาด้วยการอาศัยอยู่ในรถบ้านหลังเล็ก ๆ และห่างไกลความเจริญ เขาเริ่มต้นทำฟาร์มไปพร้อมกับทำงานประจำ โดยใช้เงินเก็บที่มี ลองผิดลองถูกแบบไม่มีความรู้ด้านการเกษตร เน้นพึ่งพาตัวเองเพราะจะได้ประหยัดเงิน ไม่ต้องจ้างคนอื่น

จาคอบต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถเป็นเสาหลักของครอบครัวได้ โดยเดิมพันทั้งเงินเก็บและความสัมพันธ์กับภรรยา ซึ่งถ้าหากออกมาไม่ประสบความสำเร็จอาจถึงขั้นต้องหย่าขาดกับภรรยา

มีฉากหนึ่งที่จาคอบอยู่ที่โรงงานคัดลูกเจี๊ยบกับลูกชาย เขาเล่าให้ลูกฟังว่าที่นี่ต้องการลูกเจี๊ยบตัวเมียเท่านั้น เพราะออกไข่ได้ ลูกเจี๊ยบตัวผู้ไม่มีประโยชน์จึงถูกกำจัด เขาบอกว่าทั้งเขาและลูกชายต้องทำตัวให้มีประโยชน์ ไม่ให้เป็นเหมือนลูกเจี๊ยบตัวผู้

Minari มินาริ - ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ

โมนิก้ามีความเป็นแม่และภรรยา ในพาร์ทการเป็นภรรยา เธอคอยสนับสนุนความฝันของสามีอย่างเต็มที่ เชื่อมั่นใจตัวสามี มีฉากหนึ่งที่จาคอบซื้อรถแทรกเตอร์ เธอถามเขาว่าซื้อมาราคาเท่าไหร่ แต่จาคอบไม่ยอมบอก บอกแต่ว่ามันคือการลงทุน เธอก็เชื่อใจไม่ซักไซร้ต่อ

ในพาร์ทของการเป็นแม่ เธอเป็นห่วงลูก ๆ โดยเฉพาะเดวิดที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ หัวใจเขาอาจหยุดเต้นได้ทุกเมื่อ เธออยากให้ครอบครัวอยู่ใกล้หมอมากกว่านี้ เธอยังปลูกฝังแนวคิดของเธอส่งต่อให้ลูกสาวว่าให้ช่วยเหลืองานบ้านและดูแลน้องชาย

ซุนจา แม่ของโมนิก้าและคุณยายของเด็ก ๆ ทั้ง 2 เป็นคุณยายชาวเกาหลีธรรมดาที่ทำอาหารไม่เป็น อบขนมไม่เป็น วัน ๆ ชอบดูแต่ทีวีกับชวนหลานเล่นไพ่ ไม่ใช่คุณยายในอุดมคติของหลาน ๆ เลย

ซุนจาอยู่บ้านช่วยเลี้ยงหลาน เธอมีความสุขดีกับการย้ายมาอยู่ที่อเมริกา เราไม่รู้ว่าชีวิตเธอที่เกาหลีแต่ก่อนเป็นยังไง แต่ลองคิดว่าถ้าผู้หญิงแก่ ๆ ที่ควรลงหลักปักฐาน คุ้นชินกับสังคมและสถานที่หนึ่งไปแล้ว ต้องย้ายสภาพแวดล้อมกระทันหัน คงน่าใจหายไม่น้อย ต้องทิ้งเพื่อนมาอยู่เหงา ๆ ที่อเมริกาคนเดียว

ลึก ๆ ซุนจาคิดว่าตัวเองเป็นภาระให้ลูกสาวและลูกเขย ยิ่งเธอมาป่วยยิ่งรู้สึกว่าเป็นภาระมากยิ่งขึ้น จึงไม่อยากอยู่บ้านว่าง ๆ เลยลุกมาทำงานบ้านนั่นโน่นนี่ จนเกิดอุบัติเหตุอย่างที่เราเห็นกันในภาพยนตร์

Minari มินาริ - ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ

สิ่งที่กำลังไปได้สวยเป็นอันต้องพังทะลายลง แต่ตรงนี้ก็เป็นจุดก้าวผ่านของตัวละคร หลาน ๆ ทั้ง 2 ยอมรับคุณยายว่าคือคนในครอบครัว จาคอบยอมหัวอ่อนลงมา ยอมให้ผู้เชี่ยวชาญมาขุดบ่อบาดาลให้

ส่วนโมนิก้าแม้หนังจะไม่ได้พูดถึงในตอนท้าย แต่ดูจากสิ่งที่จาคอบทำ คงพอนึกได้ว่าผ่านความเห็นชอบจากโมนิก้ามาแล้ว เธอคงเห็นผลจากน้ำพักน้ำแรงของสามีถูกทำลายไปต่อหน้า แล้วเกิดเห็นใจขึ้นมา จึงยินดีสนับสนุนสามีต่อไป

ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้คงเป็น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ ปีนี้หนังชิงออสการ์ไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่ ใครสนใจหนังแนวนี้ลองไปหาดูได้ครับ

Minari มินาริ - ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ