โลกแม่งโหดสัตว์ วิธีเอาตัวรอดของสัตว์ที่นำมาประยุกต์กับชีวิตคุณได้

Share

โลกนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างยาวนาน มีกฏธรรมชาติที่ดำเนินซ้ำ ๆ ท่ามกลางการเกิดและตายหมุนเวียนไปมา กฏที่ว่านั้นคือ “สิ่งมีชีวิตทั้งมวล ถ้าไม่แข็งแกร่งก็อยู่ไม่รอด” แล้วคำว่าแข็งแกร่งนี้ เราจะนิยามอย่างไรดี บางคนอาจบอกว่าสัตว์ที่ชนะในการต่อสู้คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด บางคนอาจบอกว่าแม้จะเป็นสัตว์ที่สู้เก่ง แต่ถ้าโดนสัตว์มีพิษเล่นงานก็เอาตัวไม่รอด บางคนอาจบอกว่าการหนีได้เร็วก็เป็นความแข็งแกร่งอย่างหนึ่ง ความฉลาดแกมโกงก็แสดงถึงความแข็งแกร่ง หรืออาจเป็นจิตใจที่ไม่ยอมแพ้คือความแข็งแกร่ง มาตรวัดความแข็งแกร่งไม่ได้มีเพียงอย่างเดียว ไอติมอ่าน ep นี้จะมาแนะนำหนังสือ “โลกแม่งโหดสัตว์” หนังสือเล่มนี้รวบรวมความแข็งแกร่งชนิดต่าง ๆ ของสัตว์หลากหลายพันธุ์มาให้เราได้รู้จัก


พละกำลัง

ถ้าถามว่าความแข็งแกร่งคืออะไร สิ่งที่จะถูกพูดถึงเป็นอย่างแรกคือพละกำลัง หากพูดถึงสัตว์ที่โดดเด่นในการใช้กำลังล่าอาหาร หลานคนต้องนึกถึงทีเร็กซ์หรือ ไทแรนโนซอรัส ราชาแห่งไดโนเสาร์ที่มีความสูง 12 เมตร หนักราว 7 ตัน อยู่ในจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารสมัยยุคครีเทเชียส อาวุธที่ทรงพลังของมันคือขากรรไกรขนาดมหึมาและฟันที่คล้ายใบเลื่อย มันมีแรงบดเคี้ยวประมาณ 6 ตัน ทำให้เคี้ยวเหยื่อได้ทั้งกระดูก

bbc.com

แต่ก็มีสัตว์ที่มีพลังบดเคี้ยวมากกว่าทีเร็กซ์ นั่นคือ เมกาโลดอน สัตว์จำพวกเดียวกับฉลาม โดยมีขนาดใหญ่โตได้สูงสุดถึง 20 เมตร มีแรงบดเคี้ยวราว 20 ตัน แม้มันจะมีพละกำลังมหาศาล แต่กลับสูญพันธุ์ในเวลาไม่นาน

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเมกาโลดอนสูญพันธุ์เพราะวาฬเพชฌฏาต ซึ่งปัจจุบันอยู่สูงสุดในห่วงโซ่อาหารทางทะเล มีการสันนิษฐานว่าแต่ก่อนวาฬเพชฌฆาตเป็นสัตว์จำพวกวาฬที่เคยเป็นอาหารของเมกาโลดอน แล้ววิวัฒนาการตัวเองให้มีความเร็วเหนือชั้น มันจะใช้ลำตัวปะทะเมกาโลดอนหรือเหยื่อตัวอื่น ๆ จนเหยื่อหมดสติ นี่เองที่ทำให้เมกาโลดอนถูกสู้กลับจนสูญพันธุ์ แต่วาฬเพชฌฆาตก็มีคู่ปรับที่รับมือได้ยาก นั่นคือวาฬหัวทุยที่มีขนาดตัวมหึมาที่จะสวนกลับหากโดนวาฬเพชฌฆาตพุ่งเข้าใส่

กฏธรรมชาติสอนให้เรารู้ว่าชีวิตมีขึ้นมีลง สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ทำให้เกิดคู่ต่อสู้หน้าใหม่มาล้มตำแหน่งราชา และยึดบัลลังก์ไป แต่ตำแหน่งที่ได้ก็ใช่ว่าจะคงทน หากมีนักสู้หน้าใหม่ที่แกร่งกว่าก็เป็นเรื่องยากที่ราชาตัวเดิมจะสามารถรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้


หลอกลวงด้วยรูปลักษณ์ภายนอก

ในโลกธรรมชาติมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่มองเผิน ๆ ดูอ่อนแอ แต่ถ้าเราเผลอเพียงนิดเดียวก็อาจต้องเจ็บตัวได้ นากเป็นสัตว์ที่เหมือนตุ๊กตาเพราะมีใบหน้ากับจมูกกลม ๆ และดวงตากลมโตน่ารัก มันเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแห่งก็ให้จับมือกับมันด้วย

wikipedia.org

นากถือเป็นผู้ล่าลำดับกลาง ๆ ที่ล่าสัตว์เล็ก ๆ อย่างหนูและปลาเป็นอาหาร แต่นากยักษ์ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำอะเมซอนมีรูปร่างเหมือนนากทั่วไป แต่กลับมีความสูงถึง 2 เมตร และอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในลุ่มน้ำอะเมซอน

นากยักษ์มีพละกำลังอันน่าทึ่ง นอกจากปลาปิรันย่าแล้วมันยังล่าจระเข้ตัวใหญ่กินเป็นอาหารอีกด้วย พ่อแม่และลูก ๆ นากยักษ์จะล่าเหยื่อด้วยกันเป็นฝูง จึงถูกเรียกว่า “สุนัขจิ้งจอกแห่งแม่น้ำ” พูดได้ว่านากยักษ์ต่างจากนากทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

แมลงที่ดูน่าจะอ่อนแออีกชนิดคือ ผีเสือปีกแก้ว มันอาศัยอยู่ในอเมริกากลาง เป็นผีเสื้อที่งดงามเพราะปีกใสเหมือนแผ่นแก้ว แม้จะมีรูปลักษณ์ดูเปราะบาง แต่ผีเสื้อปีกแก้วสามารถยกของที่หนักกว่าตัวเองได้ถึง 40 เท่า ถ้าเทียบเป็นสาวน้อยร่างบางน้ำหนัก 40 กก. จะสามารถยกบาร์เบลหนักถึง 1.6 ตันได้ แถมผีเสื้อปีกแก้วยังบินได้ด้วยความเร็ว 12 กม./ชม. ซึ่งเท่ากับความเร็วของจักรยานเลยทีเดียว


ความเร็ว

ความแข็งแกร่งอาจหมายถึง “การไม่มีใครตามทันได้” ถ้าเร็วกว่าเหยื่อย่อมล่าอาหารได้ ถ้าเร็วกว่าศัตรูก็ย่อมหนีรอดได้ หากพูดถึงสัญลักษณ์ของความเร็วก็ต้องนึกถึงเสือชีตาห์ ความเร็วสูงสุดของมันคือ 120 กม./ชม. ที่เสือชีตาห์เร็วได้ขนาดนั้น เพราะมีร่างกายที่พัฒนามาให้เหมาะกับการวิ่ง

AfricanConservation

กระดูกสันหลังที่ยาวและยืดหยุ่น ลำตัวเพรียวลมที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ราวกับสปริง กรงเล็บที่หุบไม้ได้ทำหน้าที่ยึดเกาะพื้นดิน หางยาวทำหน้าที่ปรับสมดุลระหว่างตีทางโค้ง

แต่เสือชีตาห์มีจุดอ่อนนั่นคือความอึด เพราะมันถนัดวิ่งระยะสั้น วิ่งได้สูงสุดเพียง 500 เมตรเท่านั้น สำหรับทุ่งหญ้าสะวันนาอันกว้างใหญ่ ถือเป็นระยะทางที่สั้นมาก ดังนั้นเมื่อเห็นละมั่งที่วิ่งด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. เสือชีตาห์จะย่องเข้าไปใกล้ ๆ จนระยะห่างเหลือประมาณ 30-50 เมตร และตัดสินแพ้ชนะภายในเวลา 20 วินาที ก่อนที่ร่างกายจะถึงขีดจำกัด ในโลกธรรมชาติ นอกจากความเร็วแล้ว ความอึดก็สำคัญไม่แพ้กัน

หากพูดถึงสัตว์ที่ทั้งเร็วและอึดคงหนีไม่พ้นละมั่งเขาแหลม มันเป็นสัตว์ที่ดูคล้ายกวางร่างอ้วนเตี้ย มองเผิน ๆ ไม่น่าจะเร็วขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นระยะทาง 800 เมตร มันสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. ได้

หรือระยะทางที่ไกลถึง 6 กม. มันก็วิ่งโดยรักษาความเร็วไว้ที่ 56 กม./ชม. ได้อย่างต่อเนื่อง ในอดีตเสือชีตาห์ก็อาศัยอยู่ในถิ่นของละมั่งเขาแหลมเช่นกัน จึงมีทฤษฎีว่าละมั่งเขาแหลมพัฒนาความเร็วกับความอึดขึ้นมาเพื่อใช้หนีจากเสือชีตาห์

สิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนที่ช้าที่สุดในโลกคืออะไร คำตอบคือม้าน้ำ มันเคลื่อนที่ในน้ำด้วยความเร็ว 0.001 กม./ชม. หรือ 2.4 ซม./นาที


ใช้เล่ห์เหลี่ยม

โลกมนุษย์มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมเพทุบายแก่งแย่งอำนาจกัน ในโลกของสัตว์ก็มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมเช่นกัน “วูลเวอรีน” สัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าเขตหนาวและทุ่งหิมะทุนดรา เป็นสัตว์ในวงศ์เพียงพอนที่มีความสูงราว 65-95 ซม. ถ้าเทียบกับเพียงพอนด้วยกันถือว่ามีขนาดใหญ่และดูคล้ายลูกหมี

ngthai.com

มันได้รับการขนานนามว่า “ปีศาจน้อย” และ “สิ่งมีชีวิตที่ป่าเถื่อนที่สุดในโลก” ปกติมันจะกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็ก ๆ ไข่ และผลไม้เป็นอาหาร แต่เมื่อถึงฤดูหนาวที่หาอาหารไม่ได้ มันจะออกล่าแกะที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเองมาก หรือกวางมูสที่หนักเกือบ 1 ตันมากินเป็นอาหาร

วูลเวอรีนใช้วิธีกระโดดลงจากต้นไม้แล้วจู่โจมบนหลังของเหยื่อ มันจะเล็งที่จุดตายอย่างไขสันหลัง หรือก้านสมองส่วนท้าย ดูแล้วราวกับเป็นการจู่โจมของนินจา นอกจากนี้หากไปติดกับดักที่แข็งแรงเข้า มันก็มีแรงพอที่จะทำลายกับดักแล้วหนีไปได้

ในทางตรงกันข้าม หากมันเจอสัตว์ที่ติดกับดัก มันจะฉวยโอกาสเข้าจู่โจมทันที นอกจากนี้ยังแย่งอาหารจากหมี และฝูงหมาป่า เคยเกิดเหตุการณ์ที่วูลเวอรีนฆ่าหมีขั้วโลกในสวนสัตว์มาแล้วด้วย

สิ่งมีชีวิตบางชนิดก็ไม่ใช้ความรุนแรง แต่ใช้วิธีขี้โกงแทน นั่นคือนกบาวเวอร์ด่างที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย นกตัวผู้จะทำซุ้มด้วยดอกไม้ และขนนก เพื่อดึงดูดนกตัวเมียให้มาจับคู่กับนกตัวผู้ที่ทำซุ้มสวยที่สุด

การวิจัยพบว่านกบาวเวอร์ด่างมีลำดับชั้นอยู่ โดยตัวผู้ที่มีสถานะสูงจะทำซุ้มได้อย่างสวยงาม ส่วนนกตัวผู้ที่สถานะต่ำกว่าจะทำซุ้มสวยน้อยกว่า นี่ไม่ได้หมายความว่าการทำซุ้มสวยจะยกระดับให้มีสถานะสูง แต่เป็นเพราะถ้าทำซุ้มสวยเกินแบบไม่เจียมตัว นกตัวผู้ที่มีสถานะสูงกว่าจะบินมาทำลายซุ้มของนกตัวที่สถานะต่ำกว่า ไม่ให้ซุ้มสวยข้ามหน้าข้ามตาตัวเอง

สัตว์จำพวกนกมีวิธีเกี้ยวพาราสีที่เป็นเอกลักษณ์อยู่มากมาย กลยุทธ์ของนกบาวเวอร์ด่างที่ทำลายซุ้มของตัวอื่นอาจดูขี้โกง แต่กลยุทธ์ของนกบางชนิดก็ดูยึดมั่นในคุณธรรมเกินเหตุ

เช่น นกมานาคินหางยาวที่มีถิ่นฐานอยู่ในป่าแถบอเมริกากลาง เป็นนกที่เล็กกว่านกกระจอก มีหลังสีฟ้า และมีขนหางที่ยาวเป็นพิเศษ 2 เส้น กลยุทธ์ในการเกี้ยวพาราสีของนกชนิดนี้คือการเต้น

เวลาเต้นนกมานาคินหางยาวจะพาลูกศิษย์มาวาดลีลาด้วยเสมอ มันจะร้องเพลงด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ แล้วโยกตัวขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อขอความรัก นกมานาคินหางยาวตัวผู้จะโตเต็มวัยเมื่ออายุได้ 5 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเต้นเป็นโดยอัตโนมัติ ตัวผู้จะใช้วิธีดูนกตัวอื่นเต้นแล้วเลียนแบบ มันจะฝึกฝนจนอายุประมาณ 8 ปี ถึงตอนนั้นนกตัวอื่นจะยอมรับมันเป็นศิษย์

เมื่อเป็นศิษย์มีครูแล้วเท่ากับว่าได้อยู่จุดสตาร์ทกับเขาสักที นกมานาคินหางยาวจะเริ่มเต้นเรียกร้องความสนใจจากตัวเมียพร้อมกับครูทุกวัน แต่ตอนนี้มันเป็นได้เพียงพระรองที่เสริมให้พระเอกดูเด่น ไม่สามารถผสมพันธุ์กับตัวเมียได้

นกตัวผู้จะฝึกฝีมือในฐานะศิษย์อยู่ประมาณ 2 ปี หรือคืออายุปาไป 10 ปีแล้ว ถึงจะออกไปเกี้ยวสาวในฐานะตัวผู้ได้อย่างเต็มตัว นกตัวผู้ที่แก่วิชาแล้วจะเริ่มรับศิษย์เพื่อให้ไปช่วยเต้นเกี้ยวตัวเมีย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการผสมพันธุ์จะเป็นเรื่องง่าย

นกมานาคินหางยาวตัวเมียมาตรฐานสูงมาก มันจริงจังกับลีลาของตัวผู้มาก ต่อให้ครูเต้นได้สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าศิษย์เต้นผิด ตัวเมียจะบินหนีไป ไม่สนใจอีก การเต้นของนกมานาคินหางยาวนั้นยากมาก บางครั้งมันต้องกระโดดถึง 100 ครั้งโดยไม่ให้พลาดแม้แต่ครั้งเดียว

หลังจากผสมพันธุ์เสร็จ ตัวเมียจะบินออกไปสร้างรัง ออกไข่ กกไข่ และเลี้ยงลูกนกเองตัวเดียว ตัวผู้ที่เป็นครูจะบินกลับรังไปใช้ชีวิตกับศิษย์กันสองตัวอย่างสนิทสนมต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก เพราะปกติตัวเมียจะให้ความสำคัญกับคุณสมบัติของตัวผู้ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เช่น ขนาดตัวที่ใหญ่ แต่นกมานาคินหางยาวกลับยึดติดการแข่งขันที่เป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับความทุ่มเทและความพยายาม


ถึกทน

โลกธรรมชาติประกอบด้วยสมดุลระหว่างผู้ล่าและผู้ถูกล่า การหลีกเลี่ยงที่จะถูกจู่โจมจึงเป็นไปได้ยาก แต่สิ่งมีชีวิตบางชนิดพยายามเอาตัวรอดด้วยการใช้ความถึกทนที่ต่อให้ถูกศัตรูจู่โจมก็ไม่เป็นอะไร

ถ้าพูดถึงความถึกทนต้องนึกถึงความแข็ง สิ่งมีชีวิตที่แข็งที่สุดหนีไม่พ้นสัตว์จำพวกหอย ในบรรดาสัตว์เหล่านั้นหอยฝาคู่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือพวกที่อยู่ในวงศ์หอยมือเสือ เปลือกของมันสามารถใหญ่ได้ถึง 2 เมตร หอยมือเสือที่โตเต็มวัยแล้วจะไม่มีใครมาจู่โจมทั้งสิ้น แถมหอยชนิดนี้ยังอายุยืนถึง 100 ปี

ยังมีสัตว์อื่นที่นอกจากจะใช้ความแข็งในการป้องกันตัวเองก็ยังใช้โจมตีด้วย วอมแบต ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ก้นแข็งที่สุดในโลก เมื่อมันถูกศัตรูอย่างควอลล์หรือแทสเมเนียนเดวิลจู่โจม มันจะเอาหัวมุดโพรงแล้วใช้ก้นตัวเองปิดปากโพรงไว้

nsm.or.th

เพียงเท่านี้ศัตรูส่วนใหญ่ก็จะยอมถอดใจ ทำให้วอมแบตสามารถปกป้องตัวเอง และลูกในโพรงได้ ในกรณีที่ศัตรูรุกล้ำเข้ามาในโพรงได้ วอมแบตจะค้อมตัวให้ต่ำ รอให้ศัตรูกระโจนเข้าใส่แล้วมันจะยกก้นขึ้นฟาดหัวศัตรูกับเพดานโพรง อานุภาพของมันรุนแรงมาก จนว่ากันว่าแถวโพรงของวอมแบตจะพบศพของควอลล์ในสภาพกะโหลกแตกกองอยู่บ่อย ๆ

นอกจากนี้ยังมีสัตว์หายากที่ขึ้นชื่อเรื่องความถึกทนอยู่อีก นั่นคือตัวนิ่ม อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของมันคือเกล็ดแข็งที่ปกคลุมทั่วตัว เกล็ดนี้พัฒนามาจากเส้นขน ศัตรูของตัวนิ่มคือสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ เช่น สิงโต เสือโคร่ง และเสือดาว เมื่อถูกจู่โจมตัวนิ่มจะม้วนตัวเป็นลูกบอล เมื่อทำแบบนี้ตัวนิ่มจะถึกทนต่อการถกทำร้ายมาก ต่อให้เป็นสัตว์กินเนื้อที่ดุร้ายแค่ไหนก็กัดไม่เข้า

นอกจากนี้ขณะที่ม้วนตัวเป็นลูกบอลอยู่ บางครั้งตัวนิ่มจะไล่ศัตรูด้วยการสะบัดหางใส่ เกล็ดของมันคมมาก จนเฉือนผิวหนังของศัตรูได้ แต่เกล็ดที่น่าอัศจรรย์นี้กลับนำภัยมาสู่ตัว เพราะมีการลักลอบจับตัวนิ่มไปขาย จนว่ากันว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกลักลอบขายมากที่สุดในโลก น่าเศร้าที่ศัตรูทางธรรมชาติอันดับ 1 ของตัวนิ่มคือมนุษย์


นิ่งสงบ

บางครั้งการผลีผลามอาจนำไปสู่ความผิดพลาดร้ายแรงได้ ในโลกธรรมชาติความผลีผลามถือเป็นทางลัดไปสู่ความตาย และมีสิ่งมีชีวิตไม่น้อยที่สามารถสงบนิ่งได้อย่างน่าทึ่ง เช่น เห็บ ที่ใช้ชีวิตอยู่บนต้นไม้ มันมองไม่เห็น และไม่ได้ยินเสียง มันรับรู้แสงสว่างได้ทางผิวหนังแค่นิดหน่อย และจะปีนไปยังปลายกิ่งไม้โดยอาศัยการรับรู้ความสว่างกับความมืด

จากนั้นมันจะรอให้สัตว์เดินผ่านมาใต้ต้นไม้ เห็บใช้การดมกลิ่นเพื่อรับรู้สารประกอบที่เรียกว่า “กรดบิวทิริก” ซึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมปล่อยออกมา พอเห็บรู้สึกได้ถึงกรดบิวทิริก มันจะทิ้งตัวลงจากปลายกิ่งไม้ ถ้าโชคดีหล่นลงบนตัวสัตว์ มันก็จะซ่อนอยู่บนผิวหนังสัตว์แล้วดูดเลือด ถ้าพลาดมันก็จะกลับไปแก้ตัวใหม่ ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสำเร็จ

สัตว์ที่สงบนิ่งได้อย่างน่าทึ่งตัวต่อมาคือ นกกระสาปากพลั่ว มันเป็นนกขนาดใหญ่สูงถึง 1.2 เมตร เทคนิคล่าเหยื่อของมันคือการรออยู่นิ่งไม่ขยับเป็นเวลาหลาย ชม. ราวกับรูปปั้น เฝ้ารอให้ปลาเข้ามาใกล้แล้วจับกิน

โคอาลาก็เป็นสัตว์ที่ชอบอยู่นิ่ง ๆ มันเป็นสัตว์ที่ใช้เวลานอนหลับมากที่สุดคือ 22 ชม./วัน สาเหตุมาจากยูคาลิปตัสที่มันกินเป็นอาหารนั้นมีพิษ และมีสารอาหารอยู่เพียงเล็กน้อย มันต้องย่อยสลายพิษด้วยพลังงานอันน้อยนิดที่ได้จากใบยูคาลิปตัส จึงมีเวลาทำโน่นทำนี่ได้น้อย

Diliff

ถ้าถามว่าทำไมโคอาลาถึงเลือกอาหารแบบนั้น คำตอบคือในช่วงที่ทะเลทรายขยายตัวในออสเตรเลีย พืชที่ถือกำเนิดขึ้นมาคือต้นยูคาลิปตัสที่มีพิษ และทนแล้ง บรรพบุรุษของโคอาลากินยูคาลิปตัสที่ไม่มีสัตว์ตัวไหนกินเลย จึงรอดชีวิตมาได้ถึงปัจจุบัน


หยุดไม่อยู่

พูดถึงความต้องการหลัก 3 อย่างของมนุษย์ก็จะมีเรื่อง อาหาร การพักผ่อน และความต้องการทางเพศ ในโลกของสัตว์ระดับของความต้องการทางเพศที่สูงก็เป็นกลยุทธหนึ่งในการเอาตัวรอด สัตว์ที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้คือ กระต่าย สัตว์ที่อ่อนแอ และมักเป็นเหยื่อของนักล่าหลายชนิด กระต่ายตัวเมียสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี ด้วยความที่จะตกไข่อัตโนมัติเมื่อผสมพันธุ์ จึงแทบการันตีได้ว่าจะติดลูกแน่นอน

vetcarepethospital.ca

นอกจากนี้แม้ในท้องจะมีตัวอ่อนอยู่แล้ว แต่กระต่ายยังสามารถตั้งท้องเพิ่มได้อีก และถ้าเกิดเหตุที่ทำให้คิดว่าตอนนี้ไม่เหมาะกับการมีลูก เช่น ป่วย บาดเจ็บ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี กระต่ายตัวเมียจะดูดซึมตัวอ่อนในท้องมาเป็นสารอาหาร

สัตว์ตัวต่อมาคือแมวน้ำช้างที่ตัวใหญ่ และมีจมูกยาว ตัวผู้ที่โตเต็มวัยนั้นแข็งแกร่งขนาดล่าฉลามได้ เรียกว่าแทบไม่มีศัตรูเลย แมวน้ำช้างตัวผู้จะมีฮาเร็มที่ประกอบด้วยตัวเมียอย่างน้อย 20 ตัว และมากสุดถึง 1,000 ตัว แน่นอนว่าตัวผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีฮาเร็มได้ แมวน้ำช้างเจ้าของฮาเร็มจะทำให้ตัวเมียเกือบ 50 ตัวตั้งท้องในฤดูผสมพันธุ์ ความต้องการทางเพศที่สูงลิบ อาจเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของผู้แข็งแกร่งก็ได้


พึ่งพาผู้อื่น

ตามคำกล่าวที่ว่า “คนที่ไม่ทำงานก็จะไม่มีกิน” เราต้องกินเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด และต้องทำงานเพื่อให้มีกิน แต่ก็มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ต้องทำงาน และคอยแต่พึ่งพาผู้อื่นตลอดชีวิต ผึ้ง สัญลักษณ์ของแมลงที่ขยันขันแข็ง แต่ความจริงแล้วผึ้งตัวผู้ไม่ทำงานเลยตั้งแต่เกิดจนตาย มันจะรอให้ผึ้งงานที่ล้วนแต่เป็นตัวเมียหาอาหารมาให้

Gargi Prasad | Instagram

ถ้าอย่างนั้นผึ้งตัวผู้มีไว้ทำไม คำตอบคือเพื่อผสมพันธุ์กับนางพญา เมื่อผึ้งนางพญาตัวใหม่ในรังเติบโตขึ้นก็จะบินออกไปสร้างรังใหม่ ช่วงนั้นผึ้งตัวผู้จะบินตามผึ้งนางพญาไป และกำเนิดเป็นผึ้งฝูงใหม่ แต่ไม่ใช่ว่าผึ้งตัวผู้ทุกตัวจะได้ผสมพันธุ์กับนางพญา ผึ้งตัวผู้จะต่อสู้กัน โดยตัวที่แพ้ต้องออกจากรังไป จะกลับไปที่รังเดิมก็ไม่ได้เพราะจะถูกเหล่าผึ้งตัวเมียขับไล่ เพราะหาอาหารเองไม่ได้ สุดท้ายจึงอดตายอย่างอนาถ ส่วนผึ้งตัวผู้ที่ได้ผสมพันธุ์จะถูกนางพญาดึงอวัยวะสืบพันธุ์ออกมาระหว่างกำลังผสมพันธุ์ และช็อกตายไปทั้งอย่างนั้น

แต่สัตว์ที่พึ่งพาผู้อื่นยิ่งกว่านั้นคือ ปลาแองเกลอร์ ปลาแองเกลอร์ที่เราเคยเห็นกันคือตัวเมีย ปลาแองเกลอร์ตัวผู้มีขนาดเล็กมาก โดยตัวเมียมีขนาดราว 40 ซม. ขณะที่ตัวผู้มีขนาดราว 2 ซม. เท่านั้น และตัวผู้ไม่มีติ่งเนื้อเรืองแสงสำหรับล่อเหยื่อ อันเป็นสัญลักษณ์ของปลาแองเกลอร์

ปลาแองเกลอร์ตัวผู้ใช้ชีวิตโดยจะกัดเข้าที่ลำตัวของตัวเมีย เมื่อผ่านไปสักพักออกซิเจนจะถูกปล่อยออกมาจากปากของตัวผู้ แล้วเกิดการหลอมรวมกับตัวเมียในระดับเส้นเลือด ตัวผู้จะได้รับสารอาหารจากร่างกายของตัวเมีย แต่สมอง อวัยวะภายใน และตาจะเสื่อมถอย รวมทั้งหายใจน้อยลงไปเอง สุดท้ายตัวผู้จะกลายเป็นอัณฑะ ซึ่งใช้ในการผสมพันธุ์เพื่อวางไข่ต่อไป

สาเหตุที่ปลาแองเกลอร์ตัวผู้ใช้ชีวิตแบบนั้น เพราะใต้ทะเลลึกโอกาสที่จะเจอกับปลาแองเกลอร์ตัวเมียนั้นมีน้อยมาก เมื่อพบตัวเมียสักตัว ตัวผู้จะพยายามรักษาตัวเมียตัวนั้นเอาไว้ และสมมุติว่าปลาแองเกลอร์ตัวผู้ และตัวเมียมีขนาดเท่ากัน จะเกิดการแย่งชิงอาหารกัน ทำให้โอกาสในการผสมพันธุ์ลดลง ตัวผู้จึงวิวัฒนาการให้ตัวเองมีขนาดเล็กและแบ่งอาหารจากตัวเมีย แล้วใช้ชีวิตแบบให้ตัวเมียเลี้ยงดูแทน


อยู่อย่างพอเพียงและพึ่งพาตัวเอง

การอยู่อย่างพอเพียงและพึ่งพาตัวเอง อาจเป็นกลยุทธที่ยิ่งใหญ่ในการมีชีวิตรอด เอลิเซียคลอโรติกา เป็นทากทะเลชนิดหนึ่ง มันมีลำตัวสีเขียว มีจุดเด่นที่รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนใบผักกาดแก้ว ทั้งที่มันเป็นสัตว์ แต่กลับสังเคราะห์แสงได้ แค่พลังงานที่ได้จากการสังเคราะห์แสงก็ช่วยให้ใช้ชีวิตอยู่ได้ 10 เดือนแล้ว

สิ่งมีชีวิตอีกชนิดที่พึ่งพาตัวเองคือมดตัดใบไม้ มันเป็นมดที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ปกติมันจะตัดใบไม้แล้วลำเลียงไปที่รัง จากนั้นนำใบไม้มาใช้เพาะเห็ดราในรัง ไม่เพียงเท่านั้นมันยังทำปศุสัตว์โดยเลี้ยงเพลี้ยไว้ในรัง เมื่อเพลี้ยโตมันจะได้รับสารรสหวานที่เพลี้ยหลั่งออกมา

flickr.com ,Andreas Kay

เรื่องน่าทึ่งคือในรังมดตัดใบไม้ 1 รัง มีประชากรมดราว 1 ล้าน – 8 ล้านตัว เมื่อเทียบกับมดทั่วไป และผึ้ง มดตัดใบไม้มีสังคมขั้นสูงที่พัฒนามากที่สุดในสังคมแมลง พวกมันบริหารจัดการรังโดยการแบ่งงานให้กับมดในรังกว่า 30 อย่าง เช่น ดูแลนางพญา ดูแลไข่ เลี้ยงตัวอ่อน รวบรวมอาหาร ซ่อมแซมรัง ปกป้องรัง เก็บเกี่ยวเห็ดที่เพาะไว้ เตรียมพื้นที่เพาะเห็ด เมื่อเทียบกับสังคมมนุษย์แล้ว บริษัทที่มีงานมากกว่า 30 อย่าง นั้นหาไม่ได้ง่าย ๆ

นอกจากนี้มดตัดใบไม้ยังแบ่งงานตามรูปร่าง และขนาดของมดแต่ละตัว โดยตัวใหญ่จะมีขนาดราว 4 ซม. ส่วนตัวเล็กจะมีขนาดราว 2-3 มม. ขนาดที่แตกต่างกันของพวกมันอาจเข้าใจผิดว่าเป็นมดคนละชนิดกัน การแบ่งงานอย่างสมเหตุสมผล การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตนของมดตัดใบไม้ ถือเป็นรูปแบบการบริหารจัดการองค์กรที่ยังไม่มีองค์กรไหนทำได้

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสัตว์ที่เอามานำเสนอใน ep นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่หยิบยกมาจากหนังสือ โลกแม่งโหดสัตว์ หนังสือแปลไทยโดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น ราคา 230 บาท หนังสือนำเสนอความรู้ในรูปแบบของการ์ตูน อ่านง่าย ได้สาระ ใครสนใจอยากได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตว์ สามารถหาซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านกันได้ครับ

สนใจหนังสือ โลกแม่งโหดสัตว์ (SURVIVE)
สามารถสั่งซื้อได้ที่ Shopee: https://s.shopee.co.th/AA096akuqu
ซื้อผ่านลิงค์เป็นการสนับสนุนช่องครับ

Share

Leave a comment

Leave a Reply

What's New

ดำดิ่งสู่โลกกลับทิศ จิตวิทยาที่ซ่อนอยู่ในซีรีส์ “สเตรนเจอร์ ทิงส์”

หากพูดถึงซีรีส์ที่คนทั้งโลกรอคอย ซีรีส์ที่ปั้นเด็กไม่มีชื่อเสียงให้มายืนแถวหน้าของวงการบันเทิงได้ ซีรีส์ที่เป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดให้คนมาสมัครบริการ Netflix จะเป็นซีรีส์เรื่องไหนไม่ได้นอกจากเรื่องสเตรนเจอร์ ทิงส์ ที่ตอนนี้มีมาถึงซีซัน 5 ซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ผลงานท้ายสุดของจักรวาลในซีรีส์นี้ เพราะในปี 2026 จะมีอนิเมชันที่เรื่องราวอยู่ในช่วงระหว่างซีซัน 2 และ 3 ของซีรีส์ต้นฉบับออกฉายตามมาครับ สาเหตุที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกใจคนทั้งโลก และขยายจักรวาลมาได้ยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ นอกจากเนื้อเรื่องที่ลึกลับน่าติดตามแล้ว อีกเหตุผลคือแต่ละตัวละครในเรื่องดูมีมิติสมจริง มีปูมหลัง และมีแรงผลักดันในชีวิตที่แตกต่างกันไป...

นาทีชีวิตฉุกเฉิน วิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ควรมีติดตัว เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินในวินาทีชีวิต

ทุกนาทีในชีวิตสามารถเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ถึงขั้นอันตรายต่อชีวิต เหตุการณ์ฉุกเฉินไม่เลือกสถานที่เกิด ไม่ว่าจะเป็นบนถนน ในห้างฯ หรือแม้กระทั่งบ้านของพวกเราเอง การมีความรู้เบื้องต้นในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ช่วยให้เราลดความเสี่ยงที่เหตุการณ์นั้นจะอันตรายถึงชีวิตได้ครับ ไอติมเล่า ep นี้มาแนะนำเนื้อหาจากหนังสือ อยู่ให้ได้ ตายให้ดี: เรียนรู้นาทีชีวิตจากห้องฉุกเฉิน เขียนโดยคุณหมอสองท่านครับคือ หมอเจี๊ยบ พญ. ลลนา ก้องธรนินทร์ และหมอยุ้ย พญ. พรรณอร เฉลิมดำริชัย ในเล่มนี้เล่าว่าหมอฉุกเฉินต้องเจอกับอะไรบ้าง...

บทเรียนจากคนเหล็ก 7 ข้อคิดการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จฉบับอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์

การได้อ่านหรือได้ฟังเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จ ถือเป็นทางลัดอย่างหนึ่งในการเรียนรู้ชีวิต โดยที่เราไม่ต้องรอให้พบเจอด้วยตัวเอง ยิ่งคนนั้นเป็นคนที่ใช้ชีวิตมานาน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ บทเรียนจากชีวิตของพวกเขาก็ยิ่งมีคุณค่า ไอติมอ่าน ep นี้มาแนะนำเนื้อหาจากหนังสือ Be Useful: Seven Tools for Life ชื่อภาษาไทยคือ จงทำตัวให้มีประโยชน์: 7 เครื่องมือสำหรับใช้ชีวิต เขียนโดยอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger)...

คิดมากไปทำไม ขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย แค่รู้ประวัติศาสตร์ ก็หายขาดจากความกลุ้มใจได้แล้ว

เพื่อน ๆ กำลังทุกข์ใจและเหนื่อยที่ต้องแบกรับความกดดันเอาไว้มากเกินไปอยู่หรือเปล่าครับ กำลังรู้สึกแย่ที่ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นอยู่หรือเปล่า สังคมทุกวันนี้มีสารพัดเรื่องให้กลุ้มใจ แล้วเพื่อน ๆ เคยคิดบ้างไหมครับว่าปัญหาที่กำลังเจออยู่นี้ เคยมีคนอื่นเจอมาก่อนเราหรือเปล่า แม้ประวัติศาสตร์จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ แต่เบื้องหลักชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นล้วนผ่านเรื่องราวมากมาย พวกเขาเป็นคนธรรมดาเหมือนกับพวกเรานี่แหละครับ การศึกษาประวัติศาสตร์ทำให้เรารู้ว่าทุกคนล้วนเคยผิดพลาดกันมาบ้าง และการจะได้มาซึ่งความสำเร็จบางครั้งต้องอาศัยเวลาที่เหมาะสม ไอติมฮีลใจ ep นี้มาแนะนำหนังสือคิดมากไปทำไม ขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย เขียนโดยฟุกาอิ ริวโนะซุเกะ หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวชีวิตของบุคคลที่เป็นที่รู้จักระดับโลกว่ากว่าที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จต้องล้มลุกคลุกคลานมายังไงบ้าง ในเล่มพูดถึงหลายคนเลยครับ แต่ผมขอเลือกเรื่องของคนที่ผมสนใจมาเล่าให้เพื่อน...

วัฒนธรรมคำจีน จากกงสีถึงอั่งเปา คำยืมที่เล่าประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-จีน

ปี พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ไทย-จีนอย่างเป็นทางการ แต่ในความเป็นจริงคนไทยและคนจีนมีความเชื่อมโยงกันมากว่า 2,000 ปีแล้ว โดยมีหลักฐานโบราณบ่งบอกว่าดินแดนแถบบ้านเรามีการค้าขายกับแผ่นดินจีนมาตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่น การค้าขายกับจีนสร้างความมั่งคั่งให้กับกรุงศรีอยุธยาและเมืองท่าต่าง ๆ รอบอ่าวไทยมาตลอดเวลายาวนานหลายร้อยปี ชาวจีนเข้ามาตั้งหลักปักฐานอยู่ในสยาม สร้างศาลเจ้า สร้างบ้าน สร้างร้านค้า และนำวัฒนธรรมแบบจีนติดตัวมาด้วย บางคำศัพท์ที่เราได้ยินหรือใช้ในชีวิตประจำวัน หลายคำก็เป็นคำที่ยืมมาจากภาษาจีน ไอติมเล่า ep นี้มาเล่าความหมายและที่มาของคำจีนคุ้นหู...

จิตวิทยาต่อรอง จะต้องพูดและทำอะไรในการต่อรองที่แพ้ไม่ได้

ในชีวิตประจำวันเราต้องพบเจอกับเรื่องมากมายที่ต้องอาศัยการเจรจาต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองขอลดราคาสินค้า ต่อรองกับลูกค้า หรือต่อรองเพื่อขอขึ้นเงินเดือน เทคนิคการต่อรองมีสอนกันมานานแล้ว แต่เทคนิคเหล่านั้นเน้นไปที่การท่องจำประโยคสำเร็จรูป ทั้งที่จริง ๆ แล้วการเจรจาต่อรองเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์มากกว่าเหตุผลครับ ดังนั้นการต่อรองต้องมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับอารมณ์ของอีกฝ่าย แทนที่จะยกเหตุผลต่าง ๆ นานามาคุยกันเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก ไอติมอ่าน ep นี้มาสรุปเนื้อหาจากหนังสือ Never Split the Difference จิตวิทยาต่อรอง เขียนโดยคริส...

Related Articles

นวัตกรรมสัตว์ ๆ สัตว์โลกกับความสามารถสุดมหัศจรรย์ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมเปลี่ยนโลก

โลกของเราใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ผ่านการวิวัฒนาการมากว่า 750 ล้านปี จนมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่ทำให้มันเอาชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์มากมายเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของสัตว์นานาชนิด พยายามถอดพิมพ์เขียวความสามารถของสัตว์มาสร้างเป็นนวัตกรรมเจ๋ง ๆ ที่ช่วยให้ชีวิตของพวกเราสะดวกสบายขึ้น ไอติมเล่า ep นี้มาแนะนำเนื้อหาจากหนังสือ สัตว์มหัศจรรย์...

วิทยาสัตว์ เรื่องวิทยาศาสตร์สนุก ๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสัตว์โลก

ผีเสื้อชอบกินน้ำตา มดมีนม แพนด้าชอบสปาขี้ แมลงสาบไซบอร์ก แบตเตอรี่จากกระดองปู ผมเพิ่งอ่านเรื่องแปลก ๆ เกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้มาจากหนังสือ Ani-More วิทยาสัตว์ เขียนโดยป๋วย อุ่นใจ...

เมื่อแมวที่บ้านคุณผันตัวมาเป็นไลฟ์โค้ช คำแนะนำแบบแมว ๆ ที่ทำให้ชีวิตคุณง่ายและสบายขึ้น

หนังสือเขียนโดย Stephane Garnier ผู้เป็นทั้งนักเขียนนิยาย นักเขียนข่าว เขาสังเกตแมวที่ตัวเองเลี้ยงและเรียนรู้จากมันมานานถึง 15 ปี ปัจจุบันเป็นเจ้าของหนังสือขายดีหลายเล่ม อาศัยอยู่ในเรือบ้านกับแมวที่ชื่อว่า ซิกกี้ ในเมืองลียง...

เล่าเรื่องแมว ชวนมนุษย์มาเข้าใจน้องแมว ไปกับสารคดี Inside the Mind of a Cat

หากเทียบกันแล้วหมาดูจะเป็นสัตว์ที่มนุษย์เข้าใจได้ง่ายกว่าแมว หมาถูกฝึกให้เชื่อง ถูกฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งได้ ต่างจากแมวที่ดูเอาใจยาก เราเดาใจแมวไม่ออกเลยว่ามันต้องการอะไรหรือกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ช่วงหลังมานี้มีงานวิจัยเกี่ยวกับแมวเพิ่มมากขึ้น ทำให้เข้าใจพฤติกรรมของแมวได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ในสารคดี Inside the Mind of...

สรุปเนื้อหาและแนะนำหนังสือที่น่าสนใจ ชวนเพื่อน ๆ มาพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ วันไปด้วยกันครับ

Copyright 2025 Aitim and Co. All rights reserved

error: Content is protected !!