อเล็กซ์ ไรเดอร์ เล่ม 3: ตอนเกาะมหาภัย เหตุการณ์ในเล่มเกิดขึ้นต่อจากภารกิจของเล่มที่แล้วแค่ 1 เดือนเท่านั้น อเล็กซ์หวังว่าจะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นนักเรียกมัธยมอย่างคนปกติ แต่ก็ถูกคนของ MI6 วานให้แฝงตัวเข้าไปสอดแนมในงานแข่งเทนนิสวิมเบิลดัน
ภารกิจนี้นำปัญหามาให้อเล็กซ์ เพราะเขาเผลอไปแหย่หนวดแก๊งมาเฟียชาวจีน แก๊งนี้จึงตามล่าเพื่อจะล้างแค้น MI6 จึงเสนอให้อเล็กซ์หนีออกนอกประเทศอังกฤษ ลี้ภัยไปอยู่เกาะสเกเลตันคีย์ที่คิวบาสักพัก โดยระหว่างนี้ MI6 จะเคลียร์ปัญหากับแก๊งชาวจีนให้
แน่นอนว่า MI6 ไม่เคยปล่อยโอกาสในการใช้งานอเล็ฏซ์ให้หลุดลอยไป แม้ทำเป็นเสนอว่าให้อเล็กซ์ไปเที่ยว แต่พวกเขาก็ขอให้อเล็กซ์สวมบทเป็นลูกชายปลอม ๆ ของคู่หูสายลับ CIA ของสหรัฐ ที่ต้องการเข้าไปสืบในเกาะ เพราะสงสัยว่าผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของที่นั่น อาจครอบครองระเบิดนิวเคลียร์
อเล็กซ์เข้าไม่ได้กับพ่อแม่ปลอม ๆ ของเขา แถมสองคนนั้นก็ไม่สนใจอะไรนอกจากภารกิจของตัวเอง พวกเขาจึงตกลงกันว่าพอผ่าน ตม. ปุ๊บ อเล็กซ์จะไปไหนก็ไป แต่ก็ไม่วายเกิดเหตุการณ์ที่อเล็กซ์ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในภารกิจ
เล่มนี้ยม ๆ อ่อม ๆ ไม่สนุกเท่าสองเล่มก่อนหน้านี้ เนื้อหาแบ่งออกเป็นสองส่วน มีความเกี่ยวข้องกันนิด ๆ ช่วงแรกจะเป็นภารกิจที่วิมเบิลดันของอเล็กซ์ ที่เขาแฝงตัวไปสืบแล้วปะทะกับคนของแก๊งคนจีน จนโดนหมายหัว ช่วงที่สองเป็นไฮไลท์ซึ่งเป็นชื่อตอนของเล่ม อเล็กซ์ลี้ภัยไปเกาะสเกเลตันคีย์
จริง ๆ แล้วทั้งสองตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกันมากนัก เหมือนจับสองเรื่องสั้นมาชนกัน แล้วเติมอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ให้พอเชื่อมโยงกัน ตัวละครใหม่ ๆ โผล่มาหลายตัว บางตัวใช้เวลาปูเรื่องราวเยอะ แต่พอจะให้ไม่มีบทก็ตัดหายไปดื้อ ๆ เล่มนี้อ่านไม่เต็มอิ่มเหมือนสองเล่มก่อนหน้าที่โฟกัสไปที่ภารกิจเพียงภารกิจเดียว ด้านล่างนี้ผมขอเขียนสปอยเอาไว้หน่อยนะครับ
อย่างที่เกริ่นไปข้างบน เล่มนี้มี 2 ภารกิจ ภารกิจแรกอเล็กซ์ได้รับมอบหมายให้ไปสอดแนมในงานแข่งเทนนิสวิมเบิลดัน ในคราบของเด็กเก็บบอล แล้วเขาก็เจอกับคนของแก๊งมาเฟียชาวจีนที่ปลอมตัวเป็นยาม เพื่อเข้ามาวางยาคู่แข่ง แก๊งนี้เกี่ยวข้องกับการพนัน อเล็กซ์จัดการยามปลอมคนนั้นได้
พอจบงานเขาไปเที่ยวพักผ่อนริมทะเลกับครอบครัวของเพื่อนผู้หญิงที่เป็นเด็กเก็บบอลเหมือนกัน แก๊งชาวจีนส่งคนมาล้างแค้นอเล็กซ์แต่ก็ไม่สำเร็จ แก๊งนี้จึงหมายหัวและจะจัดการกับอเล็กซ์อย่างจริง ๆ จัง ๆ
ทางฝ่าย MI6 จึงต้องออกโรงปกป้องอเล็กซ์ โดยเสนอว่าจะเคลียร์กับแก๊งชาวจีนให้ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย ระหว่างนี้อเล็กซ์น่าจะออกจากประเทศอังกฤษไปก่อน ประจวบกับ CIA ของสหรัฐอเมริกาขอยืมตัวสายลับเด็กไปทำภารกิจปลอมเป็นครอบครัวหลอก ๆ เพื่อแฝงตัวเข้าไปสืบที่เกาะสเกเลตันคีย์ ประเทศคิวบา
MI6 บอกว่าอเล็กซ์แค่แกล้งเป็นลูกชายของคู่หูสายลับ CIA แค่ตอนอยู่บนเครื่องบินและตอนตรวจคนเข้าเมืองก็พอ เมื่อเข้าคิวบาได้อย่างฉลุย อเล็กซ์ก็สามารถพักผ่อนได้ตามอัธยาศรัย ปล่อยให้คู่หูสายลับทำงานของพวกเขาไป
อเล็กซ์ปะติดปะต่อเรื่องราวจนรู้ว่าภารกิจที่แท้จริงของคู่หูสายลับนี้คือการมาสืบว่า ซารอฟ ผู้มีอิทธิพลบนเกาะสเกเลตันคีย์แอบครอบครองระเบิดนิวเคลียร์จริงหรือเปล่า ซารอฟเคยเป็นนายพลของกองทัพโซเวียต พอโซเวียตแตก เขาก็หนีมาอยู่คิวบา
ซารอฟมีคฤหาสน์อยู่ปลายสุดของเกาะ เป็นที่ที่เข้าได้จากถนนเพียงเส้นเดียว และถนนเส้นนี้ถูกคนของซารอฟคุ้มกันไว้หนาแน่น ไม่มีทางที่คนนอกจะเข้าไปได้ง่าย ๆ แต่คู่หูสายลับรู้มาว่าที่ใต้ทะเลมีอุโมงค์ลับซึ่งเชื่อมถึงคฤหาสน์ของซารอฟ คู่หูสายลับจึงดำเพื่อหวังจะเข้าไปทางนั้น
อเล็กซ์ที่ตามมาด้วยรออยู่บนเรือระหว่างที่คู่หูสายลับปฏิบัติภารกิจ แต่เวลาผ่านไปนานทั้งสองก็ไม่กลับมาสักที อเล็กซ์จึงดำตามไปดู เขาไปถึงปากอุโมงค์แล้วพบว่าที่นั่นติดตั้งกับดัก คู่หูสายลับโดยกับดักนั่นสังหารไปแล้ว พออเล็กซ์กลับขึ้นมาบนผิวน้ำ เขาก็ถูกคนของซารอฟจับตัว
อเล็กซ์ได้เจอกับซารอฟ และได้ฟังแผนการของซารอฟ อดีตนายพลคนนี้ครอบครองระเบิดนิวเคลียร์อยู่จริง เขาต้องการใช้มันระเบิดอู่เก็บเรือดำน้ำติดขีปนาวุธของรัสเซีย เพื่อสร้างความโกรธแค้นแก่ประธานาธิปดีคนปัจจุบันของรัสเซีย และหวังให้ประเทศเกิดความวุ่นวาย เพื่อที่เขาจะได้ฉวยโอกาสนี้กลับรัสเซียและยึดอำนาจ
พอเล่าแผนการจบ ซารอฟก็เสนอให้อเล็กซ์มาอยู่กับเขา อเล็กซ์หน้าตาคล้ายลูกชายของซารอฟที่เสียชีวิตในสงคราม แต่อเล็กซ์ไม่ยอม แม้อเล็กซ์จะพยายามหนี ก่อกวนแผนการของซารอฟ แต่ซารอฟก็ไม่ทำอะไรเขา แถมพาเขาไปที่อู่เก็บเรือดำน้ำด้วย
ลูกน้องของซารอฟติดตั้งระเบิดนิวเคลียร์ได้ตามแผน อเล็กซ์เข้าไปขัดขวาง ระหว่างนั้นกองทัพรัสเซียที่รู้แผนการของซารอฟก็ส่งกองกำลังมาปราบ คนของซารอฟถูกจัดการไปจนหมด ซารอฟโผล่มาเผชิญหน้ากับอเล็กซ์พร้อมปืน ถ้าไม่มีอเล็กซ์แผนการของเขาคงไม่พัง อเล็กซ์คิดว่าซารอฟต้องยิงเขาแน่ ๆ แต่กลับกลายเป็นซารอฟยิงตัวเองตุย เพราะอเล็กซ์ซ้อนทับกับภาพของลูกชายเขา เขายอมยิงตัวเองดีกว่ายิงลูกชาย แล้วภารกิจนี้ก็จบลง
