ภาระที่อมไว้คายออกมาเถอะนะ - มาเคลียร์พื้นที่ว่าง เพื่อเก็บความสุขเพิ่มขึ้นกันเถอะ

ภาระที่อมไว้คายออกมาเถอะนะ - มาเคลียร์พื้นที่ว่าง เพื่อเก็บความสุขเพิ่มขึ้นกันเถอะ

บทความนี้มีเวอร์ชั่น podcast สามารถฟังได้บน Youtube ครับ ภาระที่อมไว้คายออกมาเถอะนะ เขียนโดย ไนโต โยะชิฮิโตะ นักเขียนขายดี 100,000 เล่มที่ประเทศญี่ปุ่น หนังสือเปรยไว้ว่า "ปัญหารอบตัวที่ดูเล็กน้อยในชีวิตประจำวันอาจสะสมกลายเป็นภาระก้อนใหญ่ของจิตใจ ทำให้จิตใจเหนื่อยล้าไม่ได้พักผ่อน" พบกับคำแนะนำดี ๆ ที่ช่วยทำให้จิตใจพักฟื้นและทิ้งภาระที่ไม่จำเป็นออกไป หนังสือเล่มนี้เนื้อหาเข้าใจง่ายและประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้จริง


วิธีเป็นคนใจเย็น

เล่าจื๊อเคยกล่าวไว้ว่า "ถึงแม้จะเป็นน้ำโคลน แต่หากทิ้งไว้สักพัก น้ำย่อมใสขึ้น" อารมณ์ของเราก็เหมือนกัน เมื่อโกรธแล้วอย่าเพิ่งฟาดงวงฟาดงาใส่ใคร จงปล่อยอารมณ์ทิ้งไว้สักครู่ให้ใจเย็นขึ้น หากถามว่าควรปล่อยไว้นานแค่ไหน แค่เพียง 90 วินาทีเท่านั้น เพราะเป็นเวลาสลายสารเคมีแห่งความโกรธให้หายไปจากเลือด

อีกเทคนิคหนึ่งเรียกว่า "วิธีรบกวนจิตใจให้หลุดจากสิ่งที่ทำอยู่" เมื่อโกรธให้คิดถึงเรื่องดี ๆ หรือหากทำไม่ได้ให้คิดถึงอะไรก็ได้ เช่น "เย็นนี้ต้องซื้อนมเข้าบ้าน"


ทดสอบวิธีคลายความร้อนรนใจใน 1 นาที

คนเราจะไม่สบายใจเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไล่ตามอยู่ หากคุณมีความไม่สบายใจแบบนั้นอยู่ตลอดลองทำการทดสอบดู ของที่จำเป็นสำหรับการทดสอบนี้คือนาฬิกาที่ดูหลักวินาทีได้ จะเป็นนาฬิกาเข็มหรือนาฬิกาบนมือถือก็ได้


เมื่อเข็มวินาทีชี้ไปที่เลข 12 ให้หลับตา ไม่ต้องนับเลข แล้วรอจนกระทั่งคุณรู้สึกว่าถึง 1 นาทีแล้ว จากนั้นลืมตาแล้วเช็กดูว่าเวลาจริง ๆ ผ่านมาเท่าไหร่

สเตฟาน เรชต์ชาฟเฟน ได้ทำการทดสอบนี้กับนักธุรกิจที่มีความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา ผลคือผ่านไปเพียง 15 วินาที พวกเขาก็ลืมตาขึ้นมากันแล้ว บางคนก็แค่ 6 วินาที เพราะพวกเขาร้อนใจกันอยู่

เวลาร้อนใจหรือเร่งรีบ คุณจะสัมผัสได้ว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าจิตใจผ่อนคลายคุณจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ถ้ารู้ตัวว่าตัวเองมีจังหวะชีวิตที่รีบร้อน ลองพยายามทำอะไรให้ช้าลงสักหน่อย


เตรียมหาวิธีผ่อนคลายจิตใจ

แม้จะเหนื่อยสะสมแต่คุณสามารถเบี่ยงเบนความสนใจไปอยู่กับงานอดิเรกได้ เมื่อเราหมกมุ่นอยู่กับสิ่งนั้น ความกังวลและความเครียดจะถูกขจัดออกไป อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ มักจะเล่นไวโอลีนเพลงที่ชอบ ในตอนที่เขาอยากคลายเครียด, อกาธา คริสตี มักจะล้างจานเมื่อเหนื่อยจากการเขียนหนังสือ

หาอะไรก็ได้ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายขึ้นจะเป็นสิ่งที่เราชอบทำอยู่แล้วก็ได้ ขอเพียงเพลิดเพลินไปกับสิ่งนั้น ไม่มีกิจกรรมไหนดีที่สุดในการช่วยผ่อนคลายจิตใจ ดังนั้นเลือกสิ่งที่เราชอบที่สุดได้เลย


เขียนข้อดีของตัวเองออกมา

ถ้าเราคิดแต่เรื่องไม่ดีของตัวเองจะใช้ชีวิตอย่างสดใสได้ยังไง การมองเห็นภาพลักษณ์ในแง่บวก ทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าเราชอบตัวเองได้ แสดงว่าข้อเสียเหล่านั้นเราไม่จำเป็นต้องสนใจ แถมลดการแสดงสีหน้าชวนเครียดได้อีกด้วย

การเขียนจุดแข็งหรือข้อดีของตัวเองลงบนกระดาษช่วยเสริมสร้างจิตใจและป้องกันความเครียด ลองเขียนเรื่องที่เกิดขึ้นล่าสุดที่ทำให้เรารู้สึกชอบตัวเอง เช่น "ฉันลุกให้คนแก่นั่ง" "ฉันช่วยรุ่นน้องทำโอที"

เมื่อจดสิ่งเหล่านี้ลงไป เราจะมีภาพลักษณ์ว่า "ฉันเองก็มีด้านดี ๆ เหมือนกันนะเนี่ย" แล้วความเครียดจะหายไปอย่างง่ายดาย


ตัดสินใจเลือกรูปหน้าจอโทรศัพท์ด้วยสิ่งนี้

ไม่ว่าใครก็ต้องมี "ความทรงจำที่น่าภาคภูมิใจ" ไม่ว่าจะเป็นแข่งกีฬาสีได้รางวัล แข่งงานวิชาการได้รางวัล ใส่ชุดนักศึกษาครั้งแรก การมีภาพหรือวิดีโอตอนที่คุณอยู่ในช่วงภาคภูมิใจ ยามว่างลองเปิดดูและขอให้คิดว่า "ตัวฉันในตอนนั้นเปล่งประกายดีนะ" คุณจะมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น

จัสติน คาร์เร ได้ตั้งสมมุติฐานว่า "การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ไม่เพียงหลังจากลงแข่งขันจริง แต่รวมถึงตอนดูวิดีโอของการแข่งขันเก่า ๆ ด้วย" เขาได้ให้ผู้เล่นฮอกกี้น้ำแข็งมืออาชีพ 23 คนดูวิดีโอการแข่งช่วงที่พวกเขาชนะ พบว่าฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนของพวกเขาเพิ่มขึ้นประมาณ 40% กลับกันเมื่อให้ดูวิดีโอตอนที่พวกเขาแข่งแพ้ ระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนไม่เพิ่มขึ้นเลย

เราสามารถคาดหวังผลลัพธ์แบบเดียวกันได้เมื่อดูภาพตัวเองตอนกำลังเปล่งประกาย ดูรูปภาพตัวเองแล้วจินตนาการถึงช่วงเวลานั้น


ลองขอร้องดีกว่าอยู่อย่างไม่สบายใจ

"ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงปัจจุบันที่เป็นอยู่ เราต้องลงมือเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน" สมมุติว่ามีคนทำงานอย่างทนทุกข์เพราะคิดว่าเงินเดือนตัวเองน้อยไปก็ควรไปขอเพิ่มเงินเดือนกับหัวหน้า

มิเชลล์ มากส์ ได้รวบรวมคนที่ยังทำงานไม่ถึง 3 ปี จำนวน 139 คนจากหลายอุตสาหกรรม แล้วถามว่าคุณเคยขอคุยเรื่องขึ้นเงินเดือนกับบริษัทไหม พบว่ามี 110 คนที่เคยคุยแล้วได้ขึ้นเงินเดือนจริง คนที่เหลือไม่เคยคุย

หากมีเรื่องทุกข์ใจให้พูดคุยโดยตรง ไม่อย่างงั้นอีกฝ่ายจะคิดว่าไม่พูดคือไม่มีเรื่องทุกข์ใจ


ยินดีกับการเป็นที่พึงของคนอื่น

บางคนอาจรำคาญที่มีคนมาขอร้อง แต่การที่คนมาขอร้อง ต้องการพึ่งพาคุณ มันคือการสร้างบุญคุณต่อกันไป หากช่วยเหลือคนอื่นเราจะได้รับความไว้วางใจจากบุคคลนั้น การเป็นคนที่ไว้ใจได้เป็นเรื่องที่ดีและเป็นประโยชน์อย่างมาในหลาย ๆ เรื่อง ชีวิตประจำวันของคุณจะสนุก ราบรื่นและเป็นที่น่าพอใจยิ่งขึ้น

จอห์น เฮลลิเวลล์ ได้ทำการวิจัยและพบว่า "ความสุขในที่ทำงานไม่ได้ถูกกำหนดโดยตัวเงิน แต่เกิดจากความสัมพันธ์ต่าง ๆ" ตราบใดที่ความสัมพันธ์ในที่ทำงานคุณยังดีอยู่ คุณจะใช้เวลาทั้งวันในที่ทำงานได้อย่างมีความสุข

นอกจากนี้จอห์นยังพบว่าหากมีความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน คนเราจะรู้สึกพึงพอใจเทียบเท่ากับการได้เงินเดือนเพิ่ม 30% เลยทีเดียว เวลามีคนมาพึ่งพิงคุณอย่าคิดว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญ หากคุณช่วยเขา พวกเขาก็จะช่วยเมื่อคุณประสบปัญหา


คนชอบเล่นเกมลับสมองจะไม่ค่อยเศร้า

หากคุณเป็นคนที่ขี้กังวลควรพกเกมลับสมองติดตัวไปเล่นด้วย มนุษย์สามารถใช้ความคิดอย่างเต็มที่ได้ทีละอย่าง การเล่นเกมลับสมองจะช่วยให้จิตใจกังวลน้อยลง จะเล่นซุโดกุ, เกมอักษรไขว้หรือเกมจับคู่ในมือถือก็ได้

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่คิดถึงเรื่องเศร้า ยิ่งพยายามไม่คิดยิ่งคิดถึง เพราะมนุษย์มักคิดวนเวียนซ้ำไปมา ดังนั้นการเปลี่ยนจากการคิดสิ่งหนึ่งไปคิดอีกสิ่งหนึ่งโดยการเล่นเกมลับสมอง เป็นวิธีช่วยเลี่ยงความฟุ้งซ่านได้เพราะสมาธิไปอยู่กับการแก้ปริศนา


แค่การทักทายเรื่องทั่วไปก็ทำให้จิตใจดีขึ้นได้

ไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าหรือใครก็ตาม เมื่อได้พูดคุยแล้วจิตใจจะสดชื่นขึ้น จะเป็นคนที่นั่งข้าง ๆ บนรถไฟ คนที่เดินบนถนน คนที่นั่งข้าง ๆ ในร้านเหล้าโดยบังเอิญ พนักงานร้านสะดวกซื้อ เพียงทักทายและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระนิด ๆ หน่อย ๆ ก็สดชื่นขึ้นได้แล้ว ไม่ว่าจะชวนคุยเรื่องสภาพอากาศหรือข่าวที่กำลังดังตอนนี้ก็ได้


ฟังเพลงเพื่อปลุกเร้าอารมณ์

การแข่งโอลิมปิกเราจะเห็นนักกีฬามักใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงในช่วงเตรียมร่างกาย เพราะฟังเพลงโปรดจะปลุกเร้าเราในทันที ดังนั้นการหาเพลงมาฟังยามท้อแท้หรือไม่มีกำลังใจก็ช่วยทำให้อารมณ์กลับมาปกติได้

ทุกคนล้วนมีวันที่หมดอารมณ์ วันที่ไม่มีแรงจูงใจจะทำอะไร แต่ถ้าใช้ดนตรีมาช่วยจะมีพลังสร้างแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ลองเลือกเพลงโปรดเพื่อปรับจิตใจให้เข้าสู่โหมดที่ดีที่สุดของตัวเองดูกันครับ


ออกจากการ "อยู่แต่กับตัวเอง"

ผู้เขียนแนะนำให้เข้าร่วมกิจกรรมอาสา เช่น เก็บขยะในชุมชนหรือบริจาคเลือด เพราะหากชีวิตเอาแต่คิดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็ทำให้รู้สึกไม่ดี หากก้าวข้ามความคิดว่าไม่อยากเสียเปรียบหรือเอาแต่ตัวเองได้ประโยชน์แล้วหันมาทำจิตอาสา จิตใจของเราจะสดชื่นขึ้นมาก

เพ็กกี ซ็อยตซ์ ได้สำรวจคนอเมริกา 2,681 คน เป็นระยะเวลา 3 ปี เกี่ยวกับชีวิตจิตอาสาใน 12 เดือนที่ผ่านมา โดยใช้เกณฑ์บ่งชี้สุขภาพ 6 ข้อ คือ ความสุข ความพอใจ การยอมรับในตัวเอง การควบคุมชีวิตตัวเอง ระดับภาวะซึมเศร้าและสุขภาพ พบว่าคนที่กระตือรือร้นทำงานจิตอาสาผลไปในทางที่ดีทั้ง 6 ข้อ ไม่ใช้ดีขึ้นเพียง 1 หรือ 2 ข้อ


คนเขียนทิ้งท้ายไว้ว่า ไม่มีใครใช้ชีวิตโดยไร้ความกังวล หนังสือเล่มนี้แนะนำสิ่งที่เมื่อคุณทำแล้วจิตใจจะสบายขึ้น แต่ตราบเท่าที่มีชีวิตอยู่ ความกังวลไม่มีทางหายไปหมด แต่เราลดความกังวลได้ให้อยู่ในระดับประมาณนี้ก็โอเค

โลกนี้มีคนที่พยายามใช้ประโยชน์จากความกังวลของผู้คนเพื่อขายสินค้าราคาแพงหรือชวนเข้าลัทธิแปลก ๆ เพื่อไม่ให้ถูกคนเหล่านี้หลอก เราต้องเข้าใจว่าความกังวลของตัวเองก็ต้องแก้ด้วยตัวเอง หนังสือเล่มนี้แนะนำวิธีการช่วยคลายความกังวลไว้มากมาย อาจช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อย