เทส หญิงสาวผู้ได้ทำการเช่าบ้านหลังหนึ่งจากเว็บ สำหรับพักก่อนที่อีกวันเธอจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ แต่เมื่อมาถึงบ้านเช่า เธอพบว่ามีคนมาอยู่ที่นี่ก่อนแล้วซึ่งคือ คีธ ชายหนุ่มที่จองบ้านหลังนี้จากอีกเว็บแล้วดันชนกับเธอ เทสไม่ไว้ใจคีธที่ยังถือว่าเป็นคนแปลกหน้า แต่เธอหาโรงแรมว่างแถวนี้ไม่ได้ แบะข้างนอกก็ยังฝนตก คืนนี้จึงต้องยอมพักที่นี่อย่างเสียไม่ได้
หลังจากนอนที่บ้านหลังนี้ไปได้คืนเดียว เธอพบว่านอกจากคีธที่เธอยังไม่ไว้ใจ ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่น่าไว้ใจอีก ทั้งย่านที่บ้านหลังนี้ตั้งอยู่กลายเป็นเมืองร้าง คนจรจัดที่เข้ามาเตือนให้เธอหนีไปจากที่นี่ และสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจและเทสกลัวที่สุด คือความลับที่บ้านหลังนี้ซ่อนเอาไว้
Barbarian หนังเรื่องนี้ลงให้คนไทยได้ดูบน Disney+ Hotstar ดูจากชื่อเรื่องและโปสเตอร์ ชวนให้เข้าใจว่าหนังเรื่องนี้เป็นแนว slasher เน้นฉากสยอง ๆ เลือดสาดทั้งเรื่อง แต่พอได้ดูแล้วหนังกลับมีฉากแหวะแค่ 2-3 ฉาก แถมออกมาแบบแวบ ๆ ไม่ได้แช่ไว้นานจนติดตาคนดู แถมฉาก jump scare ก็น้อยมาก แต่ความลุ้นระทึก ความตื่นเต้น ไม่ได้น้อยกว่าหนังสยองทั่ว ๆ ไปเลย
ผมอยากเรียกหนังเรื่องนี้ว่าเป็นแนวสยองแบบมีการศึกษา เป็นผู้เจริญในศิลปะ หนังเรื่องนี้เดินเรื่องอยู่สถานที่เดียวแทบทั้งเรื่อง คือบ้านเช่าที่เทสเจอกับคีธ หนังค่อย ๆ บิลด์อารมณ์ให้คนดูรู้สึกไม่ไว้วางในในบ้านหลังนี้ ทั้งที่เป็นบ้านธรรมดา ตกแต่งดูใหม่สะอาดตา แต่เรากลับรู้สึกว่าเป็นบ้านที่ไม่น่าอยู่เลย
เทส แสดงโดย จอร์เจียน่า แคมป์เบลล์ และ คีธ แสดงโดย บิล สการ์สการ์ด อ่านจากเรื่องย่อเราอาจเข้าใจว่าหนังขายเพียงนักแสดง 2 คนนี้ คนดูต้องพุ่งความสนใจไปที่คีธว่าเป็นคนร้าย และหวังว่าจะได้เห็นตัวละครหญิงผู้อ่อนแออย่างเทส เอาตัวรอดและเอาคืนฆาตกรโรคจิต แต่สิ่งที่เราคิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ของหนังเท่านั้น หนังมีอะไรซ่อนเอาไว้อีกมาก
หนังอาจจะไม่หวือหวาเพราะไม่ได้ขายฉาก jump scare แต่กลับดูไม่เบื่อเพราะหนังค่อย ๆ เปิดเผยความลับใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ดูไปก็ร้องเฮ้ยไป เดาทางไม่ออก สนุกมากกับการคิดว่าหนังจะพาเราไปทางไหนได้อีก
เอาจริงองค์ประกอบในหนังไม่ได้มีอะไรใหม่ ล้วนเป็นสิ่งที่หนังสยองขวัญเรื่องอื่น ๆ เคยนำเสนอมาแล้วทั้งสิ้น แต่ผู้กำกับและคนเขียนบทใช้ประโยชน์จากจุดนั้นมาทำให้หนังสนุก ใช้จุดที่กลายเป็นภาพจำ ฉาก cliche ที่คนดูหนังเห็นมาบ่อย ๆ มาใส่ในหนัง แต่บิดผลลัพธ์ให้ออกมาอีกทาง
สำหรับผมชอบหนังเรื่องนี้ ถ้าให้เจาะจงคือชอบช่วง 80% แรกของหนัง เอนจอยไปตลอดการรับชม แต่พอถึงช่วงไคลแมกซ์ที่เฉลยทุกอย่างรู้สึกอึ้งเพราะงง งงว่าหนังจะเล่นแบบนี้เหรอ ปูมาอย่างดีแล้วหาทางลงแบบนี้เนี่ยนะ เหมือนคนสร้างอยากเอาชนะคนดูมากเกินไป คิดว่า “กูเล่นแบบนี้ พวกมึงไม่มีทางเดาตอนจบออกหรอก” ซึ่งก็จริง ผมเดาไม่ออก แต่บทสรุปมันเรื้อนไปหน่อย จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้คนเกลียดหนังเรื่องนี้ไปเลย
มีคนมารีวิวเรื่องนี้ใน IMDb ว่า “A slow slow build up to nothing.” ผมรู้สึกแบบเดียวกับประโยคนี้เลย โดนบิลด์มาทีละนิด ๆ แล้วหนังพามาส่งถึงตอนจบที่เป็นอะไรไม่รู้ แต่โดยรวมผมชอบนะ ชื่นชมคนสร้างว่ากล้าหาญดี