อิ๊กคาบ็อก - วรรณกรรมเยาวชนที่แฝงประเด็นการเมือง อ่านแล้วอินจัด อ่านไปกำหมัดไป

อิ๊กคาบ็อก - วรรณกรรมเยาวชนที่แฝงประเด็นการเมือง อ่านแล้วอินจัด อ่านไปกำหมัดไป

ดินแดนอุดมคืออาณาจักรที่สมบูรณ์พร้อมไปทั้งทรัพยากรและความสุขของประชาชน ปกครองโดยราชาเฟร็ด ผู้ขี้ขลาดและนึกถึงแต่ตัวเอง หน้าที่ของเขาไม่ต้องทำอะไร แค่ปล่อยดินแดนอุดมนี้เดินหน้าของไปมันเอง

เมืองเหนือสุดของดินแดนอุดมมีตำนานเล่าถึง อิ๊กคาบ็อก สัตว์ประหลาดตัวยักษ์ที่ยังไม่มีใครระบุได้ว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่ แต่ราชาเฟร็ดกลัวมันมาก สั่งลอร์ดผู้เป็นเพื่อนสนิทออกมาตรการป้องกันสัตว์ร้ายตัวนี้

ลอร์ดเหล่านั้นไม่ใช่คนดี ถือโอกาสที่ราชาเฟร็ดกลัว นำเอาเรื่องราวอิ๊กคาบ็อกมาบิดเบือนและสร้างความหวาดกลัวให้แก่คนในดินแดน ออกกฏหมายเก็บภาษีขูดรีดประชาชนเพิ่ม สั่งขังคุกคนที่ต่อต้านและไม่เชื่อว่าอิ๊กคาบ็อกมีจริง อิ๊กคาบ็อกกลายเป็นสิ่งที่ประชาชนพูดถึงไม่ได้

อิ๊กคาบ็อกยังคงเป็นสิ่งที่คลุมเครือ เรื่องถูกห้ามไม่ให้ทำให้กระจ่าง มันอาจมีอยู่จริงหรืออาจเป็นแค่เรื่องเล่า แต่ที่แน่ ๆ อิ๊กคาบ็อกมีอยู่จริงในใจของประชาชน โดยอยู่ในรูปแบบของความหวาดกลัว

หนังสือเรื่องนี้น่าสนใจเพราะคนเขียนคือ J.K. Rolling ผู้เขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่ความน่าสนใจน้อยลงถ้าตัดสินจากชื่อเรื่อง คำว่าอิ๊กคาบ็อกมันไม่สื่ออะไรเลย ไม่รู้ว่าข้างในจะพบเจออะไรบ้าง เดาว่าคงเป็นเรื่องราวเด็ก ๆ เทพนิยายอะไรทำนองนั้น แถมยังมีโปรเจคให้เด็ก ๆ มาวาดภาพประกอบด้วย ทำให้มันดูเป็นหนังสือสำหรับเด็กมาเข้าไปอีก

ผมเลือกหนังสือเล่มนี้มาอ่าน หลังจากอ่านนิยายเนื้อหาหนัก ๆ หวังว่าจะเจออะไรเบาสมอง ได้ปลดปล่อยจินตนาการ แต่พอได้เริ่มอ่านพบว่าเรื่องนี้น่าสนใจมาก เซตติ้งในเรื่องเป็นเทพนิยายนั่นแหละ แต่เนื้อหาของมันการเมืองมาก พูดถึงเรื่องความไม่เท่าเทียม เรื่องการปกครองโดยใช้ propaganda กรอกหูผู้คน

ยิ่งอ่านยิ่งอิน เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นได้จริง บางอย่างเราเคยพบเจอในรัฐบาลเผด็จการนี้ด้วยซ้ำ ทั้งการบิดเบือนความจริง การไม่ยอมเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ตรวจสอบกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ จำกัดสิทธิ์การวิจารณ์นโยบาย กำจัดคนเห็นต่างโดยการยัดเยียดข้อหา

อ่านไปแล้วกำหมัด เราที่เคียดแค้นกับระบบการปกครองปัจจุบันอินไปกับตัวละครในเรื่องได้ง่าย อ่านไปรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่วรรณกรรมเยาวชนแล้ว มันคือวรรณกรรมที่ฉายความจริง โดยเอาเทพนิยายมาเคลือบไว้ เรียกว่านำเสนอได้หลักแหลมมาก ช่างเปรียบเทียบและพลิกแพลง

ผมคาดหวังว่าตอนจบจะไปการเมืองสุดแบบเรียลลิสติก แต่เรื่องราวกลับจบแบบติดความเป็นวรรณกรรมเยาวชน เลยรู้สึกว่ามันขึ้นสุดแล้วไม่กล้าทุบในตอนสุดท้าย ตอนแรกแอบเสียดาย แต่พออ่านจบพบว่าตอนจบแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน จบได้สวยแบบหนึ่ง