หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่เป็นกระแสหลัก สร้างออกมาวางแผงมากมายคงหนีไม่พ้นแนวต่างโลกและแนวผู้กล้าปราบจอมมาร แรก ๆ ที่ผมได้อ่านก็รู้สึกว่าแนวนี้สนุกดี เป็นความแฟนตาซีที่สมบูรณ์แบบ แต่พอเสพแนวนี้นานวันเข้า และผลงานถูกสร้างออกมาซ้ำ ๆ จนไม่ค่อยเห็นความเป็นเอกลักษณ์ของงานยุคหลัง ๆ ผมก็เอียนเหมือนกันนะ
พอเห็นหนังสือเล่มนี้ พอรู้ว่าเป็นแนวผู้กล้าก็อุทานในใจว่า อีกแล้วเหรอ แต่ชอบชื่อเรื่อง คำอธิฐานในวันที่จากลา ฟังดูมีความหวัง ขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความเศร้า เรื่องนี้ไม่เกริ่นอะไรมาก เพราะทุกคนที่ติดตามการ์ตูนแนวผู้กล้าคงชินกับความ cliche ของแนวนี้ไปแล้ว ภาพช่องแรกสุดของเรื่องนี้คือเหล่าผู้กล้าทั้ง 4 คนที่กลับมาจากการปราบจอมมารได้สำเร็จ
เรื่องนี้ตัวดำเนินเรื่องคือ ฟรีเรน ชื่อเดียวกับชื่อภาษาอังกฤษของหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ เธอคือเอลฟ์ที่อายุเป็น 100 ปี แต่ยังอยู่ในสภาพเด็กสาว รับหน้าที่เป็นจอมเวทย์ในปาร์ตี้ หลังจากเธอและเพื่อน ๆ อีก 3 คนกลับมาในเมือง ก็ได้รับการต้อนรับ สรรเสริญยินดี ได้รับการตบรางวัล ได้รับเกียรติสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเป็นที่รำลึก
การ์ตูนเรื่องนี้เล่าเรื่องที่เรื่องอื่นไม่เคยเล่า คือหลังจากปราบจอมมารเสร็จแล้วเหล่าผู้กล้าชีวิตเป็นยังไงต่อ ด้วยความที่ฟรีเรนเป็นเอลฟ์ที่อายุยืน กาลเวลาทำอะไรเธอไม่ค่อยได้ ผิดกับเพื่อนคนอื่น ๆ ที่เป็นมนุษย์ วันเวลาล่วงเลย ความชราก็มาเยือน ชื่อเสียงและเกียรติยศที่เคยทำมา คนรุ่นใหม่ก็เริ่มไม่ได้อินไปด้วย เธอได้เห็นความโรยรา เห็นความไม่เที่ยงของชีวิต สุดท้ายสิ่งที่เคยมีทั้งจับต้องได้และไม่ได้ก็ต้องสูญหายไปในสักวันหนึ่ง
อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้เราปลงกับชีวิตเหมือนกันนะ ช่วงอายุคน ๆ หนึ่งจะว่ายาวก็ยาว จะว่าสั้นก็สั้น เผลอแป๊บ ๆ ก็มาคิดได้ว่า นี่เราอยู่มาจนอายุขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ได้ทำอะไรที่เคยตั้งใจไปมั่งหรือยัง? ผมว่าหนังสือเล่มนี้มองว่าเป็นปรัชญาชีวิตได้เลยด้วยซ้ำ
เล่มนี้ออกแนว slice of life ฉากแอ็คชั่นมีนิดเดียวมาก มีไว้ให้เข้ากับความเป็นแฟนตาซีที่เรื่องนี้นำมาเสนอ ได้เห็นการเติบโตของฟรีเรนที่ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปทีละนิด เป็นการเติบโตด้านทัศนคติ อันนี้ดีมากเลยเพราะทำให้ตัวละครมีมิติ
โดยรวมเล่มนี้ผมชอบมาก อ่านแล้วได้ขบคิด ได้หยุดมองชีวิตตัวเองและทบทวน อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านครับ แปลไทยโดยสยามอินเตอร์คอมมิกส์ ราคา 90 บาท
