เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ผลงานของ Netflix ที่เล่าถึง เอโนลา โฮล์มส์ (รับบทโดย มิลลี บ็อบบี บราวน์ จาก Stranger Things) ผู้เป็นน้องสาวคนสุดท้องของตระกูลโฮล์มส์ มีพี่ชายคนโตสุดเฮี้ยบชื่อ มายครอฟต์ พี่ชายคนรองเป็นอัจฉริยะนักสืบผู้ก้องโลกชื่อ เชอร์ล็อก
เอโนลา ถูกเลี้ยงดูโดยคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่เป็นคนสอนหนังสือให้เธอ สอนเทนนิส สอนวาดรูป สอนศิลปะป้องกันตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผู้หญิงอังกฤษสมัยก่อนเขาไม่ทำกัน แล้วในเช้าวันเกิดปีที่ 16 ของเอโนลา เธอก็พบว่าแม่ของเธอหายตัวไป ทิ้งปริศนาเอาไว้ เธอต้องใช้ทักษะที่แม่สอนเอามาตามหาตัวแม่
หนังดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง The Case of the Missing Marquess ที่อยู่ในชุด The Enola Holmes Mysteries เขียนโดย แนนซี สปริงเกอร์ มีทั้งหมด 6 ตอน ซึ่งตัวละครในเรื่องเกือบทั้งหมดสร้างขึ้นมาใหม่
การสืบสวนในเรื่องนี้ใช้การไขรหัส และทั้งเรื่องไม่ได้ตามหาแม่แต่อย่างเดียว มีการเข้าไปพัวพันกับคดีลอบทำร้าย มาร์ควิส ขุนนางรูปหล่อผู้หนีออกจากบ้าน อายุไล่เลี่ยกับเอโนลา จุดนี้เองที่ทำให้หนังมีความโรแมนติกขึ้นมา
ประเด็นใหญ่ในเรื่องพูดถึงสังคมอังกฤษสมัยนั้นที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงไม่ได้รับการศึกษา พวกเธอมีหน้าที่เพียงฝึกตัวเองให้สมกับเป็นกุลสตรีเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ชายดี ๆ สักคน ไม่มีสิทธิมีเสียงในการเลือกตั้ง ทั้งยังพูดถึงเรื่องอำนาจที่ไปกระจุกตัวอยู่กับคนชั้นสูง และคนเหล่านี้ก็หวงอำนาจ ทำทุกหนทางเพื่อรักษาอำนาจนั้นไว้ มันดูทับซ้อนกับประเทศไทยตอนนี้เหลือเกิน
พูดถึงการดำเนินเรื่องของหนังกันบ้าง เรื่องนี้มีกิมมิกที่ให้เอโนลาหันมาพูดกับกล้องบ้างเป็นบ้างครั้ง เป็นวิธีที่ง่ายในการเล่าเรื่องยาว ๆ ให้กระชับ ทำให้มูดของหนังดูมีความขี้เล่นมากขึ้น ความสนุกอยู่ในระดับกลาง ๆ ผมว่าถ้าตัดต่อให้กระชับและสั้นกว่านี้ เหลือความยาวสัก 1.40 ชม. น่าจะดูสนุกขึ้น
น้อง มิลลี บ็อบบี บราวน์ สลัดภาพทุกบทบาทที่เคยเล่น มาเล่นเรื่องนี้คือสร้างภาพจำใหม่ให้คนดูว่าเป็น เอโนลา โฮล์มส์ ได้จริง ๆ ส่วนคู่จิ้นในเรื่อง มาร์ควิส ที่รับบทโดย หลุยส์ พาร์ทริดจ์ ก็ถือว่าแจ้งเกิด ได้แม่ยกไปหลายประเทศ น่าจะมีผลงานกับ Netflix ตามมาอีกแน่นอน
